อันดับ 1 : พรชัย เค้าแก้ว
ตำนานจอมฟาดอันดับ 1 นักกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเมืองไทย ที่ถูกขนานนามว่า “ราชาหน้าตาข่าย” เขาผู้นี้ คือ พรชัย เค้าแก้ว วัย 38 ปี นักหวดจากจังหวัดขอนแก่น ที่รับใช้ทีมชาติในฐานะจอมฟาดนักโหดมานานเกือบ 20 ปี เป็นหนึ่งไม่กี่คนของวงการกีฬาตะกร้อที่เล่นให้กับทีมชาติมานาน แต่ระดับความเก่งกาจก็ไม่ลดลงจนอายุแตะ 4 การันตีผลงานจากการพาทีมตะกร้อไทยสู่ทุกความสำเร็จในการแข่งขัน ไม่ว่าจะเป็น คว้า 10 เหรียญทอง ในการแข่งขันเอเชียนเกมส์ วินาทีนั้นเขากลายเป็นนักกีฬาไทยที่คว้าเหรียญทองเอเชียนเกมส์มากที่สุดในประวัติศาสตร์ เป็นตำนานที่ปัจจุบันก็ยังคงลงเล่นกีฬาชนิดนี้อยู่ในสังเวียนสนามตะกร้อ

อันดับ 2 : วิรัช โพธิ์ม่วง
แม้จะอำลาวงการตะกร้อไปนานกว่า 30 ปี แล้วแต่เขาก็ยังอยู่ในใจแฟน ๆ ของคนไทยเสมอ “ดำ อำมหิต” หรือ วิรัช โพธิ์ม่วง อีก 1 นักฟาดถึงเลือดจากเมืองพิษณุโลกสองแคว รุ่นเดอะ จากผลงานที่ผ่านมาเขาพาทีมชาติไปคว้าเหรียญเงินที่ศึกเอเชียนเกมส์ครั้งที่ 11 ที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อปี 1990 และซีเกมส์ครั้งที่ 16 ที่กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ ในยุครุ่งเรืองลีลาการฟาดของเขาไม่เป็นรองใคร ฟาดหนัก ฟาดแรง ฟาดรัว ๆ ทำให้คู่ต่อสู้ต้องมีร่องรอยฟกช้ำ ดำเขียว บางรายถึงมีเลือดจากการร่วมแข่งกับเขาไปตาม ๆ กัน และถูกให้เป็นคู่ปรับกับมาเลเซียมาโดยตลอด แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีใครที่จะเข้ามาต้านทานลูกฟาดของเขาได้เลย รู้แล้วใช่ไหมว่า “ดำ อำมหิต” นั้นได้แต่ใดมา!

อันดับ 3 : พูนศักดิ์ เพิ่มทรัพย์
อีก 1 อดีตนักตะกร้อที่ฟาดสวยที่สุดในวงการกีฬาไทย จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก พูนศักดิ์ เพิ่มทรัพย์ นักตะกร้ออันดับที่ 3 ตัวฟาดแห่งเซปักตะกร้อทีมชาติไทยในยุค 90 แม้จะไม่ได้เล่นมานานกว่า 18 ปี แล้ว ทว่าลีลาการฟาดอันสวยงามคล้ายการเล่นกีฬายิมนาสติกก็ไม่ปาน ยังคงติดตาตรึงใจแฟนกีฬาตลอดมา นอกจากท่าที่สวยงามแล้วการขึ้นฟาดของเขายังมีหลายท่วงท่า อย่าง การแตะหยอด ที่ทำให้คนไทยจดจำได้ เขาก็เป็นอีกหนึ่งบุคคลในวงการกีฬาไทยที่ทำให้นักกีฬารุ่นหลัง ๆ ได้ยึดถือเป็นแบบอย่างในการเล่น

อันดับ 4 : อิทธิพล คมชัยศักดิ์
ย้อนเวลากลับไปเมื่อกว่า 30 ปีที่แล้ว “โอ่ง” อิทธิพล คมชัยศักดิ์ คือหนึ่งในตัวฟาดตัวหลักของทีมตะกร้อไทยในยุคนั้น และพาทีมหวายไทยประสบความสำเร็จหลายรายการ แม้ในศึกเอเชียนเกมส์ครั้งที่ 11 ที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ซึ่งเป็นเอเชียนเกมส์หนแรกที่ตะกร้อถูกบรรจุแข่งขัน จะได้เพียงเหรียญเงินก็ตาม ด้วยลีลาการฟาดด้วยเท้าขวาที่สวยงามและเต็มเปี่ยมไปด้วยคุณภาพ จึงทำให้อดีตนักตะกร้อทีมชาติไทยรายนี้ เป็นหนึ่งในตัวฟาดขวัญใจของแฟนกีฬาชาวไทยทั้งประเทศ ตลอดช่วงเวลาที่เขารับใช้ชาติ สำหรับจุดเด่นการขึ้นฟาดของ อิทธิพล คมชัยศักดิ์ จนทำให้แฟนตะกร้อยุคนั้น ต่างชื่นชอบและหลงไหลไปตามๆกันก็คือ การขึ้นฟาดได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งหนักและเบา จนบล็อกคู่ต่อสู้จับทางไม่ถูก โดยเฉพาะการขึ้นแตะหยอดซ้าย จนกลายเป็นท่าเอกลักษณ์ของเจ้าตัว

อันดับที่ 5 : ภูตะวัน โสภา
ปฏิเสธไม่ได้ว่า ภูตะวัน โสภา นักตะกร้อดาวรุ่งวัย 20 ปี เป็นหนึ่งในดาวรุ่งที่น่าจับตามองที่สุดในวงการตะกร้อตอนนี้ หลังจากที่มีรายชื่อเข้าไปเก็บตัวกับทีมชาติไทยชุดใหญ่ เขาถือเป็นนักตะกร้อที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่งที่อายุยังน้อย การันตีความเก่งกาจด้วยการกวาดแชมป์ทุกรายการที่ลงแข่งขัน ทั้งการพาทีมสโมสรตะกร้อปทุมธานี-อินทรีเจ้าเวหา คว้าแชมป์ตะกร้อไทยแลนด์ลีก และการช่วยสโมสรตะกร้อทหารอากาศ เขาเป็นนักตะกร้อที่แฟน ๆ ต่างเฝ้ารอที่จะได้เห็นเขาพัฒนาฝีมือ เพื่อขึ้นไปทดแทนดาวค้างฟ้าอย่าง “พรชัย เค้าแก้ว” และเส้นทางของเขาก็ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว

อันดับ 6 : อนุวัฒน์ ชัยชนะ
ถ้าพูดถึงทีมเซปักตะกร้อไทย ก็ต้องนึกถึงเขาด้วยเช่นกัน “เดอะคิลเลอร์บี” อนุวัฒน์ ชัยชนะ นักตะกร้อร่วมสังกัดกองทัพบก ตัวฟาดตัวหลักของทีมที่มีเอกลักษณ์การฟาดที่เฉียบขาดและคุณภาพ เนื่องจากมีตัวฟาดถึงสองคน โอกาสลงแข่งขันร่วมกันกับ พรชัย เค้าแก้ว “ราชาหน้าตาข่าย” นั้นไม่สามารถทำได้ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า การที่มีตัวฟาดมากฝีมือร่วมอยู่ในทีมเดียวกัน ถือเป็นเกราะชั้นเยี่ยมที่ทำให้ชาติอื่นไม่สามารถต้านทานศักยภาพทีมนักหวดลูกพลาสติกไทยได้