โปรแกรมมวย ประจำวันที่ 6 ตุลาคม 2568 | ศึกมวยไทยพันธมิตร แฟนมวยไทยทั่วประเทศเตรียมพบกับความมันส์เต็มพิกัดในรายการ “ศึกมวยไทยพันธมิตร” ที่จัดขึ้น ณ เวิล์ด สยาม สเตเดี้ยม ตั้งแต่เวลา 18.00 น. เป็นต้นไป โดยรายการนี้ถือเป็นหนึ่งในศึกใหญ่ที่รวมเอานักชกฝีมือดีจากหลายค่ายมาปะทะกันอย่างเข้มข้น ทั้งรุ่นเล็กและรุ่นใหญ่ เพื่อสร้างสีสันให้กับวงการมวยไทยในช่วงปลายปีอย่างแท้จริง
โปรแกรมมวย ประจำวันที่ 6 ตุลาคม 2568 | ศึกมวยไทยพันธมิตร
ต่อไปนี้คือโปรแกรมการแข่งขันอย่างเป็นทางการ พร้อมผลการชั่งน้ำหนักของนักมวยแต่ละคู่ ซึ่งต่างผ่านพิกัดเรียบร้อย พร้อมชกแน่นอน
ลำดับ | มุมแดง | มุมน้ำเงิน | พิกัด (ปอนด์) | ผลการชั่งน้ำหนัก |
---|---|---|---|---|
1 | เพชรสุกใส พิทักษ์ทางหลวง | เพชรสราวุธ ทีจี.เซอร์วิส | 114 | ผ่านพิกัดทั้งคู่ |
2 | ยอดดอย แก้วสัมฤทธิ์ | เพชรสุวรรณ ส.สราวุธ | 117 | ทั้งคู่ลดน้ำหนักผ่านพิกัด |
3 | สไนเปอร์ ศ.ศศิวัฒน์ | ภูผา ต.บี.เอส.มวยไทย | 133 | ผ่านตามพิกัด |
4 | เพชรอันวา ส.เสกสรร | เพชรจินดา เอ็นเอฟ.ลูกสวน | 112 | ผ่านตามพิกัด |
5 | โตเกียว จอมโหดมวยไทย | บิ๊กเบนซ์ ลูกสวน | 112 | โตเกียวลดน้ำหนักมาก แต่ผ่าน |
6 | เดชอนันต์ ว.เวียงสระ | ลูฟี่ ตองพัทลุง | 119 | ผ่านพิกัดเท่ากัน |
7 | พรชัยน้อย ทีเด็ด 99 | เพชรเมืองเดช ป.อำพลนครอุบล | 134 | ผ่านตามพิกัด |
8 | ศิลานิล ศ.ศศิวัฒน์ | ฉัตรเพชร ช.ชัยวัฒน์ | 143 | ผ่านพิกัด |
9 | สิบต่อ ศ.ศศิวัฒน์ | พิชัย ลูกบ้านใหม่ | 121 | ผ่านตามพิกัด |
ศึกนี้ถือเป็นการประชันระหว่างยอดมวยจากสายพันธุ์ต่าง ๆ ที่ต่างมีสไตล์เฉพาะตัว ทั้งหมัดแรง เข่าจัดจ้าน และเกมเชิงที่ล้ำลึก ไม่ว่าจะเป็น เพชรสุกใส พิทักษ์ทางหลวง, เพชรสราวุธ ทีจี.เซอร์วิส, สไนเปอร์ ศ.ศศิวัฒน์, หรือ พรชัยน้อย ทีเด็ด 99 ต่างก็เตรียมตัวมาอย่างเข้มเพื่อช่วงชิงชัยบนเวทีใหญ่แห่งนี้
🔥 วิเคราะห์คู่มวยเด่นประจำค่ำคืน
🥊 คู่ที่ 1: เพชรสุกใส พิทักษ์ทางหลวง vs เพชรสราวุธ ทีจี.เซอร์วิส (พิกัด 114 ปอนด์)
เปิดศึกคู่แรกของค่ำคืนด้วยการปะทะของนักมวยสายบู๊ทั้งสองฝั่ง เพชรสุกใสถือเป็นนักมวยที่มีลูกเตะซ้ายอันทรงพลังและจังหวะการคุมเกมที่แม่นยำ ส่วนเพชรสราวุธเป็นมวยที่เน้นหมัดและการเดินเข้าทำไม่หยุด การเจอกันของทั้งคู่จึงเป็นเหมือนการทดสอบว่า “ลูกเตะจะหยุดหมัดได้หรือไม่”
ทั้งสองมีประสบการณ์ในเวทีระดับประเทศมากมาย คาดว่าคู่นี้จะดุเดือดตั้งแต่ยกแรกแน่นอน
รายละเอียด | ข้อมูล |
---|---|
มุมแดง | เพชรสุกใส พิทักษ์ทางหลวง |
มุมน้ำเงิน | เพชรสราวุธ ทีจี.เซอร์วิส |
จุดเด่น | เพชรสุกใสแข้งแรง ส่วนเพชรสราวุธหมัดคม |
แนวโน้มผล | เกมสูสี แต่อาจจบด้วยคะแนน |
⚔️ คู่ที่ 2: ยอดดอย แก้วสัมฤทธิ์ vs เพชรสุวรรณ ส.สราวุธ (พิกัด 117 ปอนด์)
ยอดดอยเป็นนักชกเชิงเข่าที่รัดตีได้เหนียวแน่น ในขณะที่เพชรสุวรรณขึ้นชื่อเรื่องหมัดหนึ่งสองที่เข้าเป้าแม่นยำ คู่นี้จึงเป็นการวัดเชิงระหว่าง “ความแข็งแกร่ง” กับ “ความเร็ว” หากยอดดอยสามารถคุมระยะและล็อกเข่าได้เร็วมีสิทธิ์คว้าชัย แต่หากเพชรสุวรรณสามารถเวทเกมหมัดเข้าได้ก่อนก็อาจมีเซอร์ไพรส์
รายละเอียด | ข้อมูล |
---|---|
มุมแดง | ยอดดอย แก้วสัมฤทธิ์ |
มุมน้ำเงิน | เพชรสุวรรณ ส.สราวุธ |
จุดเด่น | เข่าแน่น vs หมัดไว |
แนวโน้มผล | ยอดดอยอาจเฉือนชนะปลายยก |
🧨 คู่ที่ 3: สไนเปอร์ ศ.ศศิวัฒน์ vs ภูผา ต.บี.เอส.มวยไทย (พิกัด 133 ปอนด์)
ชื่อ “สไนเปอร์” สมชื่อ เพราะเขาเป็นนักมวยที่ออกอาวุธแม่นเหมือนจับวาง โดยเฉพาะหมัดขวาและแข้งหน้าที่คมกริบ ส่วนภูผาเป็นนักมวยสายบู๊ที่เน้นความแข็งแรงและลูกหมัดต่อเนื่อง คู่นี้จึงเป็นการเจอกันระหว่าง “เทคนิค” กับ “พละกำลัง”
รายละเอียด | ข้อมูล |
---|---|
มุมแดง | สไนเปอร์ ศ.ศศิวัฒน์ |
มุมน้ำเงิน | ภูผา ต.บี.เอส.มวยไทย |
จุดเด่น | หมัดขวาแม่น / เดินบู๊ต่อเนื่อง |
แนวโน้มผล | สไนเปอร์เหนือกว่าเล็กน้อย |
🥋 คู่ที่ 4: เพชรอันวา ส.เสกสรร vs เพชรจินดา เอ็นเอฟ.ลูกสวน (พิกัด 112 ปอนด์)
เพชรอันวาเป็นมวยที่เน้นการคุมระยะและออกอาวุธอย่างมีวินัย ขณะที่เพชรจินดาเป็นมวยหมัดแรงจังหวะสอง หากเพชรอันวาไม่ประมาทและใช้ลูกเตะหน้าได้ต่อเนื่อง มีโอกาสทำคะแนนนำได้ตลอดยก
รายละเอียด | ข้อมูล |
---|---|
มุมแดง | เพชรอันวา ส.เสกสรร |
มุมน้ำเงิน | เพชรจินดา เอ็นเอฟ.ลูกสวน |
จุดเด่น | คุมระยะดี / หมัดแรง |
แนวโน้มผล | เพชรอันวาเฉือนแต้ม |
🧱 คู่ที่ 5: โตเกียว จอมโหดมวยไทย vs บิ๊กเบนซ์ ลูกสวน (พิกัด 112 ปอนด์)
โตเกียวแม้จะลดน้ำหนักค่อนข้างมาก แต่ยังคงรักษาฟอร์มได้ดี จุดเด่นคือการบุกที่ไม่กลัวใครและแข้งขวาอันทรงพลัง ส่วนบิ๊กเบนซ์มีลูกหมัดสวนกลับที่น่ากลัว คาดว่าคู่นี้จะเป็นหนึ่งในไฟต์ที่เรียกเสียงเชียร์จากคนดูได้มากที่สุด
รายละเอียด | ข้อมูล |
---|---|
มุมแดง | โตเกียว จอมโหดมวยไทย |
มุมน้ำเงิน | บิ๊กเบนซ์ ลูกสวน |
จุดเด่น | แข้งหนัก / หมัดสวนคม |
แนวโน้มผล | โตเกียวอาจชนะคะแนนเฉียดฉิว |
⚡ คู่ที่ 6: เดชอนันต์ ว.เวียงสระ vs ลูฟี่ ตองพัทลุง (พิกัด 119 ปอนด์)
เดชอนันต์มีความเก๋าและเชิงชกแน่น ส่วนลูฟี่เป็นมวยหนุ่มไฟแรงที่เน้นบุกเร็ว เกมนี้อาจเป็นการชิงจังหวะระหว่างประสบการณ์กับความสด หากลูฟี่ไม่ยุบปลาย เขาอาจสร้างเซอร์ไพรส์ได้เช่นกัน
รายละเอียด | ข้อมูล |
---|---|
มุมแดง | เดชอนันต์ ว.เวียงสระ |
มุมน้ำเงิน | ลูฟี่ ตองพัทลุง |
จุดเด่น | เชิงเก๋า / บุกไว |
แนวโน้มผล | เดชอนันต์ได้เปรียบเล็กน้อย |
🏆 คู่เอก: พรชัยน้อย ทีเด็ด 99 vs เพชรเมืองเดช ป.อำพลนครอุบล (พิกัด 134 ปอนด์)
คู่เอกประจำค่ำคืนที่แฟนมวยรอคอยมากที่สุด “พรชัยน้อย” ขึ้นชื่อเรื่องความแข็งแกร่งและลูกเตะซ้ายทรงพลัง ส่วน “เพชรเมืองเดช” มีหมัดที่หนักและจังหวะเข้าทำเฉียบคม การพบกันของทั้งคู่จึงเป็นศึกใหญ่ที่เดิมพันด้วยศักดิ์ศรีของค่ายและชื่อเสียงในวงการ
รายละเอียด | ข้อมูล |
---|---|
มุมแดง | พรชัยน้อย ทีเด็ด 99 |
มุมน้ำเงิน | เพชรเมืองเดช ป.อำพลนครอุบล |
จุดเด่น | แข้งแรง / หมัดคม |
แนวโน้มผล | สูสี มีสิทธิ์พลิกได้ทุกยก |
🧩 คู่ที่ 8: ศิลานิล ศ.ศศิวัฒน์ vs ฉัตรเพชร ช.ชัยวัฒน์ (พิกัด 143 ปอนด์)
คู่นี้น่าจับตามองเพราะทั้งสองต่างเป็นมวยหนุ่มที่พลังเต็มเปี่ยม ศิลานิลมีจังหวะเตะต่อยแม่นยำ ส่วนฉัตรเพชรเป็นมวยบู๊ที่ไม่กลัวใคร คาดว่าจะเป็นไฟต์ที่เปิดเกมใส่กันตลอดทุกยก
รายละเอียด | ข้อมูล |
---|---|
มุมแดง | ศิลานิล ศ.ศศิวัฒน์ |
มุมน้ำเงิน | ฉัตรเพชร ช.ชัยวัฒน์ |
จุดเด่น | เตะต่อยเร็ว / บู๊ดุดัน |
แนวโน้มผล | ศิลานิลเหนือกว่าเล็กน้อย |
⚖️ คู่ที่ 9: สิบต่อ ศ.ศศิวัฒน์ vs พิชัย ลูกบ้านใหม่ (พิกัด 121 ปอนด์)
ปิดท้ายค่ำคืนด้วยศึกของนักชกรุ่นกลางที่ต่างก็ต้องการแจ้งเกิดบนเวทีใหญ่ สิบต่อมีเชิงมวยครบเครื่อง ส่วนพิชัยมีหมัดซ้ายอันทรงพลัง ถือเป็นคู่ที่เหมาะสมในการปิดรายการอย่างสมศักดิ์ศรี
รายละเอียด | ข้อมูล |
---|---|
มุมแดง | สิบต่อ ศ.ศศิวัฒน์ |
มุมน้ำเงิน | พิชัย ลูกบ้านใหม่ |
จุดเด่น | เชิงมวยครบเครื่อง / หมัดซ้ายแรง |
แนวโน้มผล | สิบต่อชนะคะแนนสูสี |
🧠 วิเคราะห์เชิงเทคนิค
ในศึกครั้งนี้ จุดเด่นของนักมวยส่วนใหญ่คือ “การออกอาวุธครบเครื่องและมีความเร็วสูง” โดยเฉพาะในรุ่นเล็กที่เกมเร็วและต่อเนื่อง ในขณะที่รุ่นใหญ่เน้นการคุมระยะและความแม่นยำของหมัดและเข่า การวางแผนก่อนชกและสภาพร่างกายจะเป็นตัวตัดสินผลแพ้ชนะได้อย่างแท้จริง
💬 สรุปความมันส์แห่งศึกมวยไทยพันธมิตร
ศึกมวยไทยพันธมิตร 6 ตุลาคม 2568 ครั้งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งเวทีที่ยืนยันว่า “มวยไทยคือศิลปะแห่งการต่อสู้ที่ไม่สิ้นสุด” ไม่ว่าจะเป็นนักชกรุ่นเล็กหรือรุ่นใหญ่ ต่างก็ทุ่มเทเพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับตนเองและค่ายต้นสังกัด แฟนมวยสามารถติดตามชมได้ทางช่องถ่ายทอดสดและทางโซเชียลมีเดียของเวทีเวิล์ด สยาม สเตเดี้ยม
บรรยากาศค่ำคืนนี้จะเต็มไปด้วยความดุเดือด สมกับชื่อรายการ “ศึกมวยไทยพันธมิตร” ที่รวมพลังของเหล่านักสู้แห่งยุคไว้บนเวทีเดียวกันอย่างแท้จริง!