ค่ำคืนแห่งศึกคาราบาว คัพ รอบสี่ กลายเป็นอีกหนึ่งบททดสอบของ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ต้องออกไปเยือนถิ่นของ “หงส์ขาว” สวอนซี ซิตี้ ที่สนามสวอนซีดอทคอม สเตเดี้ยม เมื่อคืนวันพุธที่ 29 ตุลาคม 2568 เกมนี้กลายเป็นอีกหนึ่งแมตช์ที่เต็มไปด้วยความเข้มข้นและอารมณ์ร่วมจากแฟนบอลทั้งสองฝั่ง เมื่อทีมจากลีกระดับล่างอย่างสวอนซีสามารถออกนำทีมยักษ์ใหญ่อย่างแมนฯ ซิตี้ ได้ก่อนตั้งแต่ต้นเกม สร้างความตื่นเต้นให้กับผู้ชมทั่วสนาม แต่ด้วยศักยภาพของแชมป์เก่าไม่อาจถูกบดบังได้นาน หลังจากนั้น “ซิตี้” แก้เกมอย่างเหนือชั้นก่อนถล่มคืนสามประตูรวด พลิกกลับมาชนะ 3-1 พร้อมผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายได้อย่างยอดเยี่ยม

สรุปภาพรวมการแข่งขัน

ในเกม ไฮไลท์ สวอนซี VS แมนซิตี้ นี้ สะท้อนให้เห็นความแตกต่างระหว่างทีมระดับพรีเมียร์ลีกกับทีมจากแชมเปียนชิพอย่างชัดเจน แต่ก็ต้องยกเครดิตให้สวอนซีที่เปิดเกมอย่างไม่เกรงกลัว เดินหน้าบุกใส่ตั้งแต่ต้นเกม และสามารถทำประตูขึ้นนำได้ก่อนจากลูกยิงสุดสวยของ กอนซาโล่ ฟรังโก้ ในนาทีที่ 12 อย่างไรก็ตาม ความเก๋าเกมและความมั่นใจของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ภายใต้การนำของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา ก็ยังคงเป็นจุดที่ทำให้ทีมกลับมาได้ พวกเขาค่อย ๆ ครองบอล สร้างสรรค์จังหวะ และใช้คุณภาพของผู้เล่นแนวรุกในการเจาะแนวรับของเจ้าถิ่นจนสามารถยิงคืนได้ถึงสามประตูรวดในช่วงท้ายเกม กลายเป็นการคัมแบ็กที่สมบูรณ์แบบและแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในถ้วยนี้ของทีมจากเมืองแมนเชสเตอร์

ตารางสรุปผลการแข่งขัน

รายการแข่งขัน คาราบาว คัพ 2025/26 (รอบ 4)
วันที่แข่งขัน 29 ตุลาคม 2568
สนามแข่งขัน สวอนซีดอทคอม สเตเดี้ยม
ผลการแข่งขัน สวอนซี ซิตี้ 1 – 3 แมนเชสเตอร์ ซิตี้
ผู้ทำประตู กอนซาโล่ ฟรังโก้ (น.12) / เฌเรมี่ โดกู (น.39), โอมาร์ มาร์มูช (น.77), รายาน แชร์กี (น.90+3)
ผู้ตัดสิน ไมเคิล โอลิเวอร์
ผ่านเข้ารอบ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้าย

ครึ่งแรก : หงส์ขาวสร้างเซอร์ไพรส์ เรือใบตามตีเสมอ

เสียงเชียร์กระหึ่มทันทีที่กรรมการเป่านกหวีดเริ่มเกม สวอนซีเล่นด้วยความมั่นใจเกินคาด ใช้การเพรสซิ่งสูงและบีบพื้นที่แดนกลางของแมนซิตี้จนทีมเยือนไม่สามารถครองเกมได้ถนัด นาทีที่ 12 แฟนบอลในสนามแทบระเบิดความดีใจเมื่อ กอนซาโล่ ฟรังโก้ โชว์ความเหนือชั้นด้วยการปั่นบอลโค้งเสียบสามเหลี่ยมสุดสวยจากระยะ 20 หลา ส่งบอลผ่านมือ เจมส์ แทร็ฟฟอร์ด เข้าไปตุงตาข่ายให้เจ้าบ้านออกนำก่อน 1-0 แบบสุดช็อก ทว่าประตูดังกล่าวกลับปลุก “เรือใบสีฟ้า” ให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง เพราะหลังจากนั้นทีมเยือนเริ่มเร่งเกมและครองบอลได้มากกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ สร้างโอกาสหลายครั้งโดยเฉพาะจากการลากเลื้อยของ เฌเรมี่ โดกู และความเร็วของ รายาน แชร์กี ที่คอยปั่นป่วนแนวรับเจ้าถิ่นอย่างต่อเนื่อง

และในที่สุด แมนฯ ซิตี้ ก็มาตามตีเสมอได้สำเร็จในนาทีที่ 39 จากจังหวะที่ โดกู ใช้ความเร็วลากฝ่าผู้เล่นสองคนของสวอนซีก่อนซัดบอลแฉลบแนวรับเปลี่ยนทางเข้าประตูไปอย่างโชคดี กลายเป็นประตูตีเสมอ 1-1 ก่อนหมดครึ่งเวลาแรก หลังจากนั้นทั้งสองทีมพยายามเปิดเกมใส่กัน แต่จังหวะสุดท้ายยังไม่เฉียบคมพอ ทำให้ครึ่งแรกจบลงด้วยสกอร์ 1-1 ซึ่งถือว่าเป็นผลที่ยุติธรรม เพราะทั้งสองฝ่ายต่างมีช่วงเวลาที่ทำได้ดีในครึ่งเวลาแรก โดยเฉพาะความกล้าของเจ้าถิ่นที่เล่นอย่างไม่เกรงศักดิ์ศรีของแชมป์พรีเมียร์ลีก

ดูบอลออนไลน์ บนมือถือก็ดูได้ ดูฟรีทุกลีกทุกคู่ แจกทีเด็ดบอ คลิ๊กเลย

ครึ่งหลัง : ซิตี้เครื่องติด มาร์มูช-แชร์กี ปิดเกมสุดเฉียบ

กลับมาครึ่งหลัง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยังคงเป็นฝ่ายครองบอลได้มากกว่าอย่างเห็นได้ชัด เป๊ป กวาร์ดิโอลา ปรับเกมด้วยการให้มิดฟิลด์สองคนอย่าง นิโก้ กอนซาเลซ และ ดีไวน์ มูคาซ่า ขยับขึ้นสูงเพื่อเพิ่มแรงกดดันในแดนกลาง ส่วนแนวรุกยังคงฝากความหวังไว้กับ โอมาร์ มาร์มูช ที่คอยหาช่องด้านใน ขณะที่สวอนซีเริ่มเล่นเกมรับลึกลงเพื่อรักษาสกอร์แต่สุดท้ายก็โดนความเฉียบคมของทีมเยือนเล่นงาน นาทีที่ 77 โอมาร์ มาร์มูช ใช้ความสามารถเฉพาะตัวเก็บบอลในเขตโทษก่อนซัดด้วยขวาเต็มข้อส่งบอลพุ่งเสียบเสาอย่างเด็ดขาดให้ซิตี้แซงนำ 2-1 และทำลายแนวต้านของเจ้าบ้านลงได้ในที่สุด

จากนั้นเกมเปิดมากขึ้นเพราะสวอนซีต้องเปิดหน้าแลกเพื่อหวังตีเสมอ แต่กลับถูกลงโทษในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ นาทีที่ 90+3 แมนฯ ซิตี้ ได้จังหวะสวนกลับเร็ว ออสการ์ บ็อบบ์ จ่ายทะลุช่องให้ รายาน แชร์กี หลุดเข้าไปในเขตโทษก่อนซัดเรียดผ่านมือผู้รักษาประตูเข้าไปเป็นประตูปิดกล่อง 3-1 ส่งให้ทีมเยือนผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายได้อย่างยอดเยี่ยม จบเกมด้วยความเหนือชั้นของ “เรือใบสีฟ้า” ที่แสดงให้เห็นถึงความนิ่งและศักยภาพของทีมระดับแชมป์ที่สามารถพลิกสถานการณ์ได้แม้เริ่มต้นไม่ดีนัก

ตารางรายชื่อนักเตะทั้งสองทีม

สวอนซี ซิตี้ (4-4-1) แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (4-2-3-1)
แอนดี้ ฟิชเชอร์ เจมส์ แทร็ฟฟอร์ด
โจชัว คีย์, แคแลน เคซี่ย์, คาเมรอน เบอร์เจสส์, อิเช่ แซมมวลส์-สมิธ ริโก้ ลูอิส, อับดูโกดีร์ คูซานอฟ, ไรยัน เอต์-นูรี, นาธาน อาเก้
อีธาน กัลเบรธ, เมลเกอร์ วีเดลล์, กอนซาโล่ ฟรังโก้, แซดาน อีนูซ่า นิโก้ กอนซาเลซ, ดีไวน์ มูคาซ่า
อดัม ไอดาห์ ออสการ์ บ็อบบ์, รายาน แชร์กี, เฌเรมี่ โดกู
โอมาร์ มาร์มูช

วิเคราะห์เกม – จุดแข็ง จุดอ่อน และบทเรียนสำคัญ

เกม ไฮไลท์ สวอนซี VS แมนซิตี้ เป็นตัวอย่างที่ดีของการเจอกันระหว่างทีมต่างชั้นที่มีความกล้าเล่นและสู้ด้วยหัวใจ สวอนซีในช่วงต้นเกมทำได้อย่างยอดเยี่ยม พวกเขากล้าบีบพื้นที่สูง และใช้การเคลื่อนที่เร็วของแนวรุกกดดันแนวรับของซิตี้จนเกิดความผิดพลาด อย่างไรก็ตาม จุดแตกต่างที่ชัดเจนอยู่ที่ “ความนิ่ง” และ “การตัดสินใจในพื้นที่สุดท้าย” ซึ่งเป็นสิ่งที่แมนซิตี้เหนือกว่าชัดเจน ทีมของเป๊ป กวาร์ดิโอลา ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีในการปรับจังหวะและกลับมาควบคุมเกมได้ทั้งหมด ด้วยการเคลื่อนบอลที่รวดเร็วและการเล่นแบบต่อบอลสั้นสลับจังหวะเร็วจนเจ้าถิ่นตั้งตัวไม่ทัน

จุดแข็งของแมนฯ ซิตี้ในเกมนี้คือการเล่นเป็นทีมที่มีวินัยสูง ทุกคนรู้บทบาทของตัวเองและเข้าใจระบบได้ดี แม้จะขาดผู้เล่นตัวหลักบางราย แต่สำรองที่ได้รับโอกาสอย่าง เฌเรมี่ โดกู และ รายาน แชร์กี ต่างตอบแทนความไว้วางใจด้วยฟอร์มที่ยอดเยี่ยม ส่วน โอมาร์ มาร์มูช ก็พิสูจน์แล้วว่าเขามีศักยภาพพอจะเป็นกองหน้าที่ไว้วางใจได้ในเกมใหญ่ ขณะที่ เกปา หรือผู้รักษาประตูของซิตี้ (แทร็ฟฟอร์ด) ก็ทำหน้าที่ได้อย่างมั่นใจ

ทางด้านสวอนซี แม้จะแพ้แต่ไม่เสียศักดิ์ศรี พวกเขาแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและแท็กติกที่เตรียมมาดี โดยเฉพาะการตั้งรับแน่นและสวนกลับเร็วที่สร้างปัญหาให้ซิตี้ในครึ่งแรกได้หลายครั้ง หากพวกเขามีความเฉียบคมมากกว่านี้ ผลการแข่งขันอาจออกมาแตกต่าง แต่ประสบการณ์ในเกมแบบนี้ถือเป็นบทเรียนที่สำคัญสำหรับทีมในการพัฒนาเพื่อสู้ต่อในรายการลีกภายในประเทศ

ไฮไลท์สำคัญของแมตช์

  • นาทีที่ 12: กอนซาโล่ ฟรังโก้ ปั่นโค้งสุดสวยให้สวอนซีออกนำ 1-0
  • นาทีที่ 39: เฌเรมี่ โดกู ลากฝ่าแนวรับก่อนซัดแฉลบตีเสมอ 1-1
  • นาทีที่ 77: มาร์มูช ยิงเต็มข้อสุดแรงส่งซิตี้แซงนำ 2-1
  • นาทีที่ 90+3: แชร์กี หลุดเข้าไปยิงปิดเกมให้แมนซิตี้ชนะ 3-1 ผ่านเข้ารอบ 8 ทีม

สรุปภาพรวมและสิ่งที่ตามมา

ชัยชนะของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในเกม ไฮไลท์ สวอนซี VS แมนซิตี้ ครั้งนี้ถือเป็นบทพิสูจน์ถึงความแข็งแกร่งและความสม่ำเสมอของทีมที่เต็มไปด้วยคุณภาพ แม้จะเริ่มต้นด้วยการถูกนำก่อน แต่ทีมยังคงรักษาความนิ่งและกลับมาคุมเกมได้อย่างสมบูรณ์แบบ นี่คือสิ่งที่ทำให้ “เรือใบสีฟ้า” แตกต่างจากทีมอื่นในลีก พวกเขาไม่ตื่นตระหนกในยามตกเป็นรอง และรู้วิธีพลิกสถานการณ์กลับมาเป็นฝ่ายชนะได้เสมอ ส่วนสวอนซีแม้จะตกรอบ แต่ผลงานในเกมนี้ก็ได้รับเสียงชื่นชมจากแฟนบอล เพราะเล่นได้อย่างเต็มที่และมีหัวใจนักสู้ที่แท้จริง

สำหรับแมนฯ ซิตี้ การผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายคาราบาว คัพคือการเดินหน้าอีกก้าวในการไล่ล่าความสำเร็จอีกหนึ่งรายการ เป๊ป กวาร์ดิโอลา ยังคงเน้นสร้างความต่อเนื่องให้กับทีม โดยเฉพาะการใช้ผู้เล่นดาวรุ่งและตัวสำรองให้ได้รับประสบการณ์ เพื่อให้ขุมกำลังของทีมมีความลึกมากพอสำหรับการแข่งขันในหลายรายการ เกมนี้จึงไม่ใช่แค่ชัยชนะ แต่คือการยืนยันว่า “เรือใบสีฟ้า” ยังมีแรงขับเคลื่อนมากพอจะป้องกันแชมป์ได้อีกครั้งในฤดูกาลนี้อย่างแน่นอน