ลำดับการชกถูกออกแบบให้ไต่ระดับความเข้มข้นทีละขั้น เริ่มจากพิกัดที่เน้นสปีดและความคล่องตัว ค่อย ๆ ขยับสู่พิกัดที่แรงปะทะเด่นชัดและต้องบริหารแรงปลายมากขึ้น ภาพรวมจึงเป็นการผสานทั้งศิลปะและความดุดันของมวยไทยในคืนเดียว ข้อมูลชั่งน้ำหนักจริงที่ระบุสถานะ “เกิน/ขาด/เท่า” จะช่วยให้ประเมินแนวโน้มเกมล่วงหน้าได้ดีขึ้น เช่น นักชกที่เกินเล็กน้อยมักรับแรงชนได้แน่นกว่า ส่วนผู้ที่ขาดมักเคลื่อนที่พลิ้วและสวนกลับไว อย่างไรก็ดี ผลลัพธ์สุดท้ายยังขึ้นกับวินัยการ์ด การคุมพื้นที่กลางเวที และการปิดยกด้วยอาวุธที่มีผลจริง ซึ่งเราจะค่อย ๆ สรุปให้เห็นภาพในบทวิเคราะห์รายคู่ถัดไป
ตารางประกบคู่รวม
| ลำดับคู่ | ฝ่ายแดง (ค่าย/สังกัด) | ฝ่ายน้ำเงิน (ค่าย/สังกัด) | พิกัด | ชั่งจริง (แดง/น้ำเงิน) | สถานะน้ำหนัก | หมายเหตุ |
|---|---|---|---|---|---|---|
| คู่ที่ 1 | เหงียนธานดั๊ก (สวนจากคาเฟ่) | ซุปเปอร์บาส (พญาหนอนยิม) | 126 | 126.8 / 126.2 | เกิน 0.8 / เกิน 0.2 | สองฝ่ายเกินเล็กน้อย เกมแรงปะทะเด่น |
| คู่ที่ 2 | อาเมียร์ (จ.เมืองศรี) | เทพมาวิน (ฮอนเนอร์มวยไทย) | 142 | 137.3 / 144.2 | ขาด 4.7 / เกิน 2.2 | ต่างชัด “เร็ว vs หนัก” |
| คู่ที่ 3 | ธงไทย (พีเค.แสนชัยมวยไทยยิม) | เพชรจั๊กจั่น (ช.ห้าพยัคฆ์) | 118 | 118.4 / 118.4 | เกิน 0.4 / เกิน 0.4 | น้ำหนักเท่ากันเป๊ะ วัดแทคติก |
| คู่ที่ 4 | เด่นพยัคฆ์ (ส.สมหมาย) | ใจเพชร (สิงห์มาวิน) | 137 | 136.3 / 137.8 | ขาด 0.7 / เกิน 0.8 | คล่อง vs หนัก วงในมีผลมาก |
| คู่ที่ 5 | ซอซาบุโดะมุ (ป.สองแผ่นดิน) | บาสเตียน (ส.บุญมีฤทธิ์) | 133 | 132.9 / 133.8 | ขาด 0.1 / เกิน 0.8 | เกมละเอียด วัดความคม |
| คู่ที่ 6 | เอตั้น (ลูกสวน) | เพชรสยาม (เพชรนิลเกตุ) | 131 | 131.3 / 133.5 | เกิน 0.3 / เกิน 2.5 | น้ำเงินอิมแพคเด่น ต้องบริหารแรง |
| คู่ที่ 7 | โล่เงิน (กรวยในเมืองยิม) | วันชนะ (ช.ห้าพยัคฆ์) | 133 | 133.6 / 133.2 | เกิน 0.6 / เกิน 0.2 | สมดุลแรง–เทคนิค |
| คู่ที่ 8 | ขุนพลเอิร์ธ (ส.สมหมาย) | เพชรเจ้าพระยา (ศิษย์กำนันเหน่ง) | 124 | 127.2 / 123.9 | เกิน 3.2 / ขาด 0.1 | แรงชนแดง vs คล่องน้ำเงิน |
| คู่ที่ 9 | โมฮ็อค (เงาะบางกะปิ) | โล่ทอง (กรวยในเมืองยิม) | 139 | 138.2 / 140.1 | ขาด 0.8 / เกิน 1.1 | บี้–สวน วัดการปิดยก |
ตารางรวมด้านบนชี้ให้เห็นความต่างของสถานะน้ำหนักที่มีผลต่อแผนการชกอย่างเป็นรูปธรรม นักชกที่เกินเล็กน้อยโดยมากจะยืนปะทะได้มั่นคง รับแรงชนได้ดี ส่วนผู้ที่ชั่งขาดเล็กน้อยมักมีความคล่องตัวสูง ขยับฉีกมุมแล้วสวนกลับได้ไวกว่า แม้กระนั้น “ตัวเลขชั่ง” ไม่ได้นิยามผลคะแนนโดยตรง เพราะภาพรวมการให้คะแนนยังพิจารณาความคมของอาวุธ ตำแหน่งยืนที่เหนือกว่า การคุมพื้นที่กลางเวที และคุณภาพการปิดยก หากฝ่ายหนึ่งสามารถทำให้อีกฝ่ายเสียสมดุลซ้ำ ๆ หรือมีช็อตอิมแพคชัดในช่วงท้ายยก ภาพคะแนนจะเทมาอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งเราจะไล่พิจารณาให้ลึกยิ่งขึ้นในบทวิเคราะห์รายคู่อย่างเป็นระบบถัดไป
คู่ที่ 1 – พิกัด 126 ปอนด์
| พิกัดทางการ | ชั่งจริง (แดง) | ชั่งจริง (น้ำเงิน) | สถานะน้ำหนัก | โฟกัสแทคติก | ปัจจัยตัดสิน |
|---|---|---|---|---|---|
| 126 | 126.8 | 126.2 | แดงเกิน 0.8 / น้ำเงินเกิน 0.2 | คุมกลางเวที ตั้งเตะหยุดเกม สวนหมัดตรง | การคืนการ์ดและช็อตคมท้ายยก |
เหงียนธานดั๊กกับซุปเปอร์บาสต่างชั่งเกินเล็กน้อย ทำให้รูปเกมมีแนวโน้มเน้นแรงปะทะและความหนาแน่นของการยืนแลกมากขึ้น ฝ่ายแดงควรเริ่มด้วยการคุมพื้นที่กลางเวที ใช้เตะยาวและแย็บเปิดทางเพื่อบังคับน้ำเงินให้เข้าทำผ่านเลนคาดเดาได้ ขณะที่น้ำเงินต้องชิงจังหวะสวนหมัดตรงในวินาทีกลับตัว และไม่ยืนนานจนเปิดโอกาสให้โดนศอกสั้นในระยะประชิด หากใครสร้างแพตเทิร์นเข้า–ออกที่อ่านยากพร้อมตั้งการ์ดแน่นหลังปล่อยคอมโบ จะกุมความได้เปรียบทางภาพคะแนนตั้งแต่ยกแรก
เมื่อเข้าสู่กลางยก การเปลี่ยนจังหวะจากตั้งรับเป็นสวนกลับคือหัวใจสำคัญ หากแดงเร่งคอมโบยาวโดยไม่ปิดจังหวะด้วยเตะยาว น้ำเงินสามารถสวนเข้าลำตัวแล้วสับศอกเฉียงได้ทันที การให้คะแนนจะเอนตามความคมชัดของอาวุธและการปิดยกที่มีผลจริง ช็อตชัดครั้งท้ายยก ไม่ว่าจะเป็นหมัดตรงสะอาดหรือเตะตัดล่างจนเสียหลัก จะช่วยล็อกสายตากรรมการได้ดี ปลายไฟท์ฝ่ายที่ยังรักษาความนิ่งและวินัยการ์ดจะเป็นผู้มีโอกาสชูมือมากกว่า
คู่ที่ 2 – พิกัด 142 ปอนด์
| พิกัดทางการ | ชั่งจริง (แดง) | ชั่งจริง (น้ำเงิน) | สถานะน้ำหนัก | โฟกัสแทคติก | ปัจจัยตัดสิน |
|---|---|---|---|---|---|
| 142 | 137.3 | 144.2 | แดงขาด 4.7 / น้ำเงินเกิน 2.2 | เร็วฉาบฉวย vs เดินบดแรงปะทะ | รีไฮเดรชันและแรงปลาย |
อาเมียร์ชั่งขาดมากถึง 4.7 ปอนด์ ขณะที่เทพมาวินเกิน 2.2 ปอนด์ ทำให้เกมนี้สะท้อนภาพ “เร็ว vs หนัก” อย่างชัดเจน ฝ่ายแดงต้องใช้จุดเด่นเรื่องความคล่อง เข้า–ออกฉับไว ตัดมุมหลอกและปล่อยหมัดหนึ่ง–สองก่อนสลับเตะล่างเพื่อทำให้แรงปะทะของน้ำเงินสูญเปล่า ส่วนฝ่ายน้ำเงินควรเดินบดแบบมีวินัย ค่อย ๆ บีบพื้นที่ให้แดงเข้าเส้นตรง แล้วคุมวงในด้วยเข่าและศอกสั้นเพื่อสะสมอิมแพคจนภาพคะแนนเด่น หากน้ำเงินรีไฮเดรตได้ดีจะมีแรงชนและการยืนระยะที่มั่นคงในยกกลางถึงยกท้าย
จุดชี้ขาดอยู่ที่การบริหารแรงปลายและโอกาสสวนกลับในช่วงเปลี่ยนหน้า หากแดงหลุดตำแหน่งหรือเสียการ์ดเพียงวินาทีเดียว หมัดตรงหนัก ๆ ของน้ำเงินอาจชิงโมเมนตัมทันที ตรงกันข้าม หากน้ำเงินเดินมากเกินจนการ์ดตก แดงสามารถสับศอกเฉียงหรือทิ่มหมัดแย็บรักษาระยะแล้วฉีกออกข้างได้ เกมจึงวัดกันที่ความนิ่งและคุณภาพการเลือกอาวุธมากกว่าปริมาณ การปิดยกให้กรรมการเห็นผลจริงจะเอื้อต่อการเก็บยกสำคัญและผลรวมทั้งไฟท์
คู่ที่ 3 – พิกัด 118 ปอนด์
| พิกัดทางการ | ชั่งจริง (แดง) | ชั่งจริง (น้ำเงิน) | สถานะน้ำหนัก | โฟกัสแทคติก | ปัจจัยตัดสิน |
|---|---|---|---|---|---|
| 118 | 118.4 | 118.4 | แดงเกิน 0.4 / น้ำเงินเกิน 0.4 | เกมเชิงสมดุล คุมจังหวะ–สวนคม | การตัดมุมและภาพปิดยก |
ธงไทยและเพชรจั๊กจั่นชั่งเกินเท่ากันที่ 0.4 ปอนด์ จึงเป็นคู่ที่วัดกันด้วยแทคติกและความละเอียดโดยแท้ ทั้งสองฝั่งควรเน้นความคมของอาวุธมากกว่าปริมาณ ธงไทยอาจคุมจังหวะด้วยแย็บนำและเตะยาว ขณะที่เพชรจั๊กจั่นเน้นสวนกลับในจังหวะสองด้วยหมัดตรงหรือศอกสั้นเมื่อคู่ต่อสู้คืนการ์ดช้า การยืนตำแหน่งกลางเวทีและทำให้คู่ต่อสู้เสียสมดุลแม้เล็กน้อย จะสร้างความรู้สึกเหนือกว่าในสายตากรรมการอย่างต่อเนื่อง
สิ่งที่ต้องมองคือการปิดยกด้วยช็อตชัดหนึ่งครั้ง เช่น เตะลำตัวสะอาด หมัดตรงพุ่งเก็บ หรือศอกเฉือนที่ทำให้หยุดชะงัก หากฝ่ายใดทำได้อย่างสม่ำเสมอจะคุมคะแนนยกต่อยกได้ดี ยิ่งในไฟท์ที่ตัวเลขชั่งไม่ทิ้งห่าง การ์ดที่แน่น วินัยเท้า และการตัดมุมอย่างมีแบบแผน จะเป็นปัจจัยชี้ทางผลรวม ปลายไฟท์ผู้ที่ยังรักษาความนิ่งและไม่เผลอแลกโดยไม่จำเป็น จะถือความได้เปรียบในการชูมือ
คู่ที่ 4 – พิกัด 137 ปอนด์
| พิกัดทางการ | ชั่งจริง (แดง) | ชั่งจริง (น้ำเงิน) | สถานะน้ำหนัก | โฟกัสแทคติก | ปัจจัยตัดสิน |
|---|---|---|---|---|---|
| 137 | 136.3 | 137.8 | แดงขาด 0.7 / น้ำเงินเกิน 0.8 | คล่องฉีกมุม vs เดินบี้วงใน | คอนโทรลวงในและแรงปะทะ |
เด่นพยัคฆ์ชั่งขาดเล็กน้อย ขณะที่ใจเพชรเกินเล็กน้อย ทำให้รูปเกมมีความหมายชัดในเชิง “คล่อง vs หนัก” ฝ่ายแดงต้องตัดมุมต่อเนื่อง อย่าปล่อยให้โดนปิดมุมจนถอยเส้นตรง ควรตั้งเตะหยุดเกมคั่นแล้วค่อยเปลี่ยนเลนเข้าหมัดสองหรือศอกย้อน ส่วนฝ่ายน้ำเงินต้องเดินบี้อย่างมีระบบ ใช้การกอดรัดควบคุมวงในและสอดเข่าตรงสะสมงาน เพื่อให้ภาพรวมดูเหนือกว่าในจังหวะปะทะ
การตัดสินจะเอนเข้าหาฝ่ายที่จัดการวงในได้เฉียบคมกว่า หากน้ำเงินคุมวงในได้ เด่นพยัคฆ์ต้องรีบหลุดจากเชือกด้วยฟุตเวิร์กและการ์ดที่ไม่เปิดช่อง ส่วนใจเพชรต้องระวังการสวนศอกในวินาทีที่เข้าประชิดมากเกิน ภาพปิดยกสำคัญมาก ช็อตที่ทำให้อีกฝ่ายเสียหลักหรือหยุดชะงักจะย้ำคะแนนชัดเจน ปลายไฟท์ผู้ที่ยังรักษาแรงปลายและไม่พลาดเสียการ์ด จะเป็นผู้ยื่นใบสมัครชนะคะแนนได้เด่นกว่า
คู่ที่ 5 – พิกัด 133 ปอนด์
| พิกัดทางการ | ชั่งจริง (แดง) | ชั่งจริง (น้ำเงิน) | สถานะน้ำหนัก | โฟกัสแทคติก | ปัจจัยตัดสิน |
|---|---|---|---|---|---|
| 133 | 132.9 | 133.8 | แดงขาด 0.1 / น้ำเงินเกิน 0.8 | ตั้งรับฉลาด–สวนคม vs เดินค้ำ–อิมแพค | คุณภาพช็อตและภาพรวมคุมเกม |
ซอซาบุโดะมุเป็นมวยหัวคิดที่คุมจังหวะดีและถนัดสวนกลับ ส่วนบาสเตียนมีแรงปะทะพอตัวและชอบเดินค้ำ เกมจะวัดกันที่ความคมของการสวนและความสามารถในการทำให้อีกฝ่ายเสียสมดุล หากแดงอ่านทางได้เร็วและสับศอกเฉียงทันทีที่น้ำเงินพุ่งเข้าชิด จะทำให้ภาพคะแนนเทมาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่น้ำเงินต้องเดินด้วยการ์ดที่เหนียวแน่น ลดช่องเว้าเพื่อไม่เปิดโอกาสให้โดนสวนสะอาด
รายละเอียดที่ควรมองคือการปิดจังหวะหลังคอมโบ หากแดงปล่อยแล้วถอยออกพร้อมเตะยาวคั่น น้ำเงินจะไม่มีช่องสวนที่คม ส่วนถ้าน้ำเงินบีบให้แดงติดเชือกและป้อนเข่าตรงสม่ำเสมอ จะทำให้กรรมการเห็นงานสะสมชัด ปลายยกฝ่ายที่ยังรักษาคุณภาพช็อตและไม่ปล่อยให้โดนจับจังหวะง่าย ๆ จะได้เปรียบในการขึ้นคะแนนบนสกอร์การ์ด
คู่ที่ 6 – พิกัด 131 ปอนด์
| พิกัดทางการ | ชั่งจริง (แดง) | ชั่งจริง (น้ำเงิน) | สถานะน้ำหนัก | โฟกัสแทคติก | ปัจจัยตัดสิน |
|---|---|---|---|---|---|
| 131 | 131.3 | 133.5 | แดงเกิน 0.3 / น้ำเงินเกิน 2.5 | สปีด–เข้าออกไว vs อิมแพคหนัก | การบริหารแรงและการ์ดท้ายยก |
เอตั้นเกินเพียง 0.3 ปอนด์ ขณะที่เพชรสยามเกินมากถึง 2.5 ปอนด์ ทำให้คาดหมายได้ว่าน้ำเงินจะมีแรงชนและการยืนรับแรงกระแทกที่หนากว่าเล็กน้อย ฝ่ายแดงจำเป็นต้องฉาบฉวยเข้า–ออกไว ตัดมุมแล้วปล่อยหมัดตรงหรือเตะตัดล่างก่อนรีบถอน เพื่อไม่ให้ถูกบีบวงใน ส่วนฝ่ายน้ำเงินต้องรักษาการ์ดและเดินคุมพื้นที่อย่างมีวินัย เมื่อระยะประชิดชัดเจนจึงค่อยปล่อยเข่าตรงและศอกสั้นเพื่อสะสมงาน
ช็อตวัดใจอยู่ในช่วงปลายยก หากน้ำเงินเดินมากจนการ์ดตก เอตั้นสามารถสวนหมัดตรงหรือศอกเฉียงให้เห็นผลได้ทันที แต่ถ้าแดงถอยเป็นเส้นตรงและไม่คืนงาน โอกาสโดนปิดมุมแล้วเสียแต้มจากชุดอาวุธวงในจะสูง ฝ่ายที่บริหารแรงปลายได้ดีกว่า โดยยังคงความคมของอาวุธและวินัยการ์ด จะเป็นผู้ถือไพ่เหนือกว่าในการสะสมคะแนนรวมทั้งไฟท์
ตารางมวยไทยครบทุกคู่ พร้อมลิงก์ถ่ายทอดสดวันนี้! รวมทุกศึก ทุกสังเวียน ดูสดได้ในที่เดียว
คู่ที่ 7 – พิกัด 133 ปอนด์
| พิกัดทางการ | ชั่งจริง (แดง) | ชั่งจริง (น้ำเงิน) | สถานะน้ำหนัก | โฟกัสแทคติก | ปัจจัยตัดสิน |
|---|---|---|---|---|---|
| 133 | 133.6 | 133.2 | แดงเกิน 0.6 / น้ำเงินเกิน 0.2 | สมดุลแรง–เทคนิค วัดคุณภาพช็อต | คุมกลางเวทีและปิดยกคม |
โล่เงินและวันชนะต่างชั่งเกินเล็กน้อย ทำให้เกมมีความสมดุลในเชิงแรงกับเทคนิค ทั้งสองฝั่งควรโฟกัสการคุมกลางเวทีและปิดยกให้เด่น โล่เงินอาจเน้นแย็บ–ตรงเปิดงานก่อนสอดเตะล่าง ตรงกันข้ามวันชนะอาจเล่นเกมสวนจังหวะสองและขยับเข้าวงในเมื่อมองเห็นช่องศอก หากใครทำให้คู่ต่อสู้เสียสมดุลต่อเนื่องและรักษาการ์ดเหนียวแน่น จะคุมภาพรวมคะแนนได้ดีกว่า
รายละเอียดการให้คะแนนในคู่สมดุลเช่นนี้อยู่ที่ “คุณภาพ” ของช็อตมากกว่าจำนวน หากการออกอาวุธของฝ่ายหนึ่งสร้างผลชัด เช่น ทำให้ถอยหรือหยุดชั่วขณะ จะมีน้ำหนักต่อสายตากรรมการมาก การตัดมุมเพื่อบังคับให้คู่ต่อสู้เข้าเลนที่คาดเดาได้และการไม่ปล่อยให้ถูกล็อกวงในโดยง่าย จะเป็นกุญแจสำคัญในการกุมทิศทางจนสิ้นเสียงระฆัง
คู่ที่ 8 – พิกัด 124 ปอนด์
| พิกัดทางการ | ชั่งจริง (แดง) | ชั่งจริง (น้ำเงิน) | สถานะน้ำหนัก | โฟกัสแทคติก | ปัจจัยตัดสิน |
|---|---|---|---|---|---|
| 124 | 127.2 | 123.9 | แดงเกิน 3.2 / น้ำเงินขาด 0.1 | แรงชนแดง vs คล่องน้ำเงิน | รีคัฟเวอรี–การคืนงาน–ภาพปิดยก |
ขุนพลเอิร์ธเกินถึง 3.2 ปอนด์ ขณะที่เพชรเจ้าพระยาขาดเพียง 0.1 ปอนด์ ภาพรวมจึงชัดว่าแดงน่าจะแน่นแรงชน ส่วนสีน้ำเงินคล่องและฉีกมุมไว แดงควรเดินคุมพื้นที่อย่างมีวินัย ไม่เร่งบ้าพลังจนการ์ดตก ส่วนน้ำเงินต้องใช้การสาดหมัดหนึ่ง–สองและเตะตัดล่างเพื่อทำให้แดงเสียศูนย์ ก่อนสับศอกในจังหวะที่คู่ต่อสู้ยื่นตัวมากเกินไป หากน้ำเงินเข้าทำแบบเข้า–ออกโดยไม่ยืนแลกนาน จะลดโอกาสโดนลูกหนักได้มาก
ตัวแปรสำคัญคือการรีคัฟเวอรีหลังชั่งของฝ่ายแดง หากฟื้นตัวได้ดีและยังวิ่งเครื่องไหลในยกสอง–สาม การเดินบดจะกดน้ำเงินให้เสียมุมแล้วเสียคะแนนสะสม แต่ถ้าแดงชะลอและปล่อยให้ยืนนานโดยไม่ทำงาน น้ำเงินจะมีจังหวะดึงเกมกลับด้วยช็อตคมท้ายยก การตัดสินจึงอยู่ที่ภาพปิดยกและความคมชัดของอาวุธมากกว่าปริมาณการออกหมัดเพียงอย่างเดียว
คู่ที่ 9 – พิกัด 139 ปอนด์ (คู่ปิดรายการ)
| พิกัดทางการ | ชั่งจริง (แดง) | ชั่งจริง (น้ำเงิน) | สถานะน้ำหนัก | โฟกัสแทคติก | ปัจจัยตัดสิน |
|---|---|---|---|---|---|
| 139 | 138.2 | 140.1 | แดงขาด 0.8 / น้ำเงินเกิน 1.1 | บี้กดดัน vs สวนเข้าลำตัว–ศอกย้อน | แรงปลายและการปิดยก |
คู่ปิดรายการอย่างโมฮ็อคปะทะโล่ทองเป็นไฟท์ที่มีความดุดันสูง น้ำเงินเกิน 1.1 ปอนด์จึงคาดว่าจะมีแรงปะทะเด่นกว่าเล็กน้อย ขณะที่แดงขาด 0.8 ปอนด์ทำให้เคลื่อนที่คล่องและสวนกลับไว โมฮ็อคควรใช้การบี้กดดันแบบเป็นชั้น ๆ อย่าพุ่งตรงจนโดนสวน ส่วนโล่ทองต้องอ่านจังหวะสวนเข้าลำตัวและสับศอกย้อนเมื่อตัวแดงยื่นเกิน การควบคุมพื้นที่กลางเวทีและไม่ปล่อยให้ถูกดันติดเชือก คือเงื่อนไขของภาพคะแนนที่เหนือกว่า
จุดตัดสินอยู่ที่แรงปลายและภาพปิดยก หากน้ำเงินรักษาเพซเดินบี้ได้โดยที่การ์ดยังเหนียวแน่น จะกดให้แดงเสียพื้นที่และแต้มสะสมเข้าตน แต่ถ้าแดงดึงจังหวะและสวนคมในช่วงท้ายยกจนอีกฝ่ายชะงัก ภาพรวมจะกลับมาสูสีทันที เกมนี้จึงเป็นบททดสอบวินัยเกมรับและความนิ่งในการตัดสินใจในสถานการณ์กดดัน ฝ่ายที่ไม่หลุดสมาธิและคงคุณภาพช็อตได้ตลอดสามยก จะมีภาษีดีกว่าในการชูมือ
ภาพรวมแนวโน้มและโฟลว์ของรายการ
จากผลชั่งน้ำหนักและรูปแบบการประกบคู่ทั้งหมด ไฟท์การ์ดครั้งนี้มีความหลากหลายชัดเจนในเชิงสไตล์และพิกัดช่วง 118–142 ปอนด์ ฝ่ายที่ชั่งเกินเล็กน้อยจะได้เปรียบเรื่องแรงปะทะเมื่อเข้าสู่ระยะประชิด ในขณะที่ผู้ชั่งขาดเล็กน้อยมีความเร็วและความคล่องตัว แต่อาจต้องทำงานมากกว่าเพื่อชดเชยอิมแพค การวางยกให้ต่อเนื่องและการไม่ปล่อยให้หลุดจากแผนเดิม คือเงื่อนไขสำคัญในการคุมเกม หากสามารถปิดยกให้คมอย่างสม่ำเสมอ ภาพคะแนนยกต่อยกจะค่อย ๆ โน้มเข้าหาโดยไม่ต้องเสี่ยงประมาทในจังหวะที่ไม่จำเป็น
โดยสรุป โฟลว์ของค่ำคืนนี้จะเริ่มจากเกมชิงจังหวะที่ต้องใช้ความละเอียดสูง ค่อย ๆ ไต่ระดับสู่ไฟท์ที่อิมแพคชัด วัดกันที่การคุมวงในและวินัยการ์ด ปิดท้ายด้วยคู่ที่ต้องบริหารแรงปลายอย่างใจเย็น ผู้ชมควรมองหา “ช็อตชัด” ในช่วงท้ายยก ไม่ว่าจะเป็นหมัดตรงสะอาด เตะลำตัวที่มีผลจริง หรือศอกที่ทำให้หยุดชะงัก เพราะเหตุการณ์เสี้ยววินาทีเหล่านี้มักเป็นตัวเปลี่ยนทิศทางคะแนนอย่างได้ผล และเป็นภาพจำสำคัญที่พาไปสู่ผลแพ้ชนะหลังระฆังสุดท้าย

