
ตารางประกบคู่รวม
| ลำดับคู่ | นักมุมแดง | นักมุมน้ำเงิน | พิกัด (ปอนด์) | ชั่งจริง (แดง/น้ำเงิน) | สถานะน้ำหนัก | หมายเหตุ |
|---|---|---|---|---|---|---|
| คู่ที่ 1 | เดโชชัย ราชานนท์ | ชัยมงคล ส.บุญมีฤทธิ์ | 113 | 113.8 / 112.8 | แดงเกิน 0.8, น้ำเงินขาด 0.2 | น้ำหนักสองฝั่งต่างกันเล็กน้อย |
| คู่ที่ 2 | ยอดมณี สวนจากคาเฟ่ | เลียงผา ดาวเด่นมวยไทย | 104/105 | 104 / 104 | แดงเท่า, น้ำเงินขาด 1.0 จากพิกัด 105 | พิกัดหลาก 104/105 |
| คู่ที่ 3 | ศิลาเงิน ลานนาวอเตอร์ไซด์ | โอเล่ สิงห์นครแว่น | 131 | 131 / 131.6 | แดงเท่า, น้ำเงินเกิน 0.6 | เกินพิกัดเล็กน้อยฝั่งน้ำเงิน |
| คู่ที่ 4 | ยอดฉัตรเล็ก สิทธิ์ไชโย | หยกมงคล สิงห์นครแว่น | 120 | 120.2 / 119 | แดงเกิน 0.2, น้ำเงินขาด 1.0 | สถานะน้ำหนักสวนทางกัน |
| คู่ที่ 5 | ยอดนิยม เค.โต้งตลิ่งชัน | วาซอฟ ส.กิจรุ่งโรจน์ | 116 | 115.4 / 116 | แดงขาด 0.6, น้ำเงินเท่า | รูปเกมอาจเน้นสปีดฝั่งแดง |
ตารางรวมด้านบนสะท้อนภาพรวมการชั่งน้ำหนักที่เป็นสัญญาณสำคัญต่อรูปเกม โดยทั่วไปแล้วการชั่งเกินเล็กน้อยสะท้อนความหนาแน่นของมวลกายและแรงปะทะ ส่วนการขาดเล็กน้อยมักส่งผลดีต่อความเบาและความคล่องตัว อย่างไรก็ดี ความได้เปรียบเชิงตัวเลขไม่ได้ตัดสินผลโดยตรง เพราะแทคติก การคุมระยะ การยืนการ์ด และความแม่นของอาวุธที่สอดรับกับแผนมุม จึงเป็นตัวแปรหลักที่ทำให้คะแนนชัดเจน ทั้งนี้ บทวิเคราะห์รายคู่ในส่วนถัดไป จะชี้จุดเปลี่ยนเกมและโอกาสที่อาจเกิดขึ้นจริงภายใต้กรอบกติกาและธรรมชาติรุ่นน้ำหนักของแต่ละไฟท์
คู่ที่ 1 – พิกัด 113 ปอนด์
| พิกัดทางการ | ชั่งจริง (แดง) | ชั่งจริง (น้ำเงิน) | สถานะน้ำหนัก | ข้อสังเกตเชิงแทคติก |
|---|---|---|---|---|
| 113 | 113.8 | 112.8 | แดงเกิน 0.8 / น้ำเงินขาด 0.2 | แรงปะทะแดง vs สปีดน้ำเงิน คุมระยะสำคัญมาก |
เดโชชัย ราชานนท์ ชั่งเกินพิกัด 0.8 ปอนด์ แปลว่าในแง่พละกำลังและความแน่นของแรงปะทะอาจดูเป็นรองรับที่มั่นคงกว่าเล็กน้อย ขณะที่ชัยมงคล ส.บุญมีฤทธิ์ ชั่งขาด 0.2 ปอนด์ จึงคาดหวังความคล่องตัวและสปีดต้นได้ดี การเผชิญหน้าระหว่างแรงปะทะกับสปีด มักวัดกันที่การชิงจังหวะในช่วงต้นยกและการคุมพื้นที่กลางเวที หากแดงสามารถกดดันให้เกมอยู่ในระยะหมัดศอกถนัด จะสร้างภาพคะแนนที่ชัด ในทางกลับกัน หากน้ำเงินอ่านจังหวะแล้วฉีกมุมออกขวา–ซ้ายได้ต่อเนื่อง พร้อมตั้งเตะหยุดเกมเพื่อไม่ให้โดนล็อกวงใน บทสรุปคะแนนจะเบนไปทางความละเอียดและการเก็บงานที่คมชัดกว่า
ในรายละเอียดการให้คะแนน กรรมการมักมองความคมชัดของอาวุธและความได้เปรียบของตำแหน่งที่ยืน เวลาที่แดงเดินบีบวงจรปะทะต้องระวังการ์ดตกหลังปล่อยหมัดชุด เพราะน้ำเงินมีโอกาสสวนหมัดตรงหรือเตะตัดล่างพลิกโมเมนตัม หากน้ำเงินถอยอย่างมีวินัยและตัดมุมทันจังหวะ จะลดโอกาสโดนล็อกเข่า ส่วนแดงควรวางจังหวะสองด้วยศอกสั้นหรือแทงเข่าเพื่อสะสมงานในวงใน สุดท้ายความนิ่งและการเลือกออกอาวุธที่มีผลจริง จะเป็นตัวตัดสินผลคะแนนมากกว่าตัวเลขชั่งที่ต่างกันเพียงเล็กน้อย
คู่ที่ 2 – พิกัด 104/105 ปอนด์
| พิกัดทางการ | ชั่งจริง (แดง) | ชั่งจริง (น้ำเงิน) | สถานะน้ำหนัก | ข้อสังเกตเชิงแทคติก |
|---|---|---|---|---|
| 104 (แดง) / 105 (น้ำเงิน) | 104 | 104 | แดงเท่า, น้ำเงินขาด 1.0 จาก 105 | น้ำเงินเบาเน้นสปีด แดงเท่าพิกัดเน้นความนิ่ง |
ยอดมณี สวนจากคาเฟ่ ชั่งเท่าพิกัด 104 ปอนด์ สื่อถึงการเตรียมสภาพร่างกายที่ตรงเป้าและพร้อมยืนแลกตามแผน ส่วนเลียงผา ดาวเด่นมวยไทย พิกัด 105 แต่ชั่งได้ 104 ขาด 1 ปอนด์ ทำให้คาดหวังความคล่องตัวสูงและความเร็วในการฉีกมุมที่มากกว่าเล็กน้อย ไฟท์ระดับพิกัดเล็กเช่นนี้มักตัดสินกันด้วยการชิงจังหวะ การคุมตำแหน่งเท้า และความแม่นยำของอาวุธชุดสั้น โดยเฉพาะหมัดตรงหนึ่ง–สองประกอบการตั้งเตะหักจังหวะ ซึ่งจะทำให้ภาพคะแนนชัดในสายตากรรมการอย่างรวดเร็วหากคู่ต่อสู้เสียสมดุลหรือถูกตัดทางออก
กลยุทธ์ของยอดมณีควรเน้นการคุมศูนย์กลางเวทีและคุมระยะกลางด้วยแข้งนำ เพื่อบังคับให้เลียงผาต้องเข้าทำผ่านเลนที่คาดเดาได้ ก่อนสวนด้วยหมัดตรงหรือศอกสั้นสร้างงาน ด้านเลียงผาควรใช้ความเบาเข้าทำแบบเข้า–ออกอย่างมีวินัย ไม่ยืนแลกนานจนโดนจับลูกสอง หากสามารถสร้างแพตเทิร์นหลอกและเปลี่ยนจังหวะในยกสอง–สามได้ จะทำให้แดงตั้งหลักยากและเสียตำแหน่งเด่น การปิดยกอย่างคมคายด้วยอาวุธชัดเจนหนึ่งครั้งท้ายยกอาจเป็นตัวแปรที่ทำให้คะแนนเทไปในฝั่งตน
คู่ที่ 3 – พิกัด 131 ปอนด์
| พิกัดทางการ | ชั่งจริง (แดง) | ชั่งจริง (น้ำเงิน) | สถานะน้ำหนัก | ข้อสังเกตเชิงแทคติก |
|---|---|---|---|---|
| 131 | 131 | 131.6 | แดงเท่า / น้ำเงินเกิน 0.6 | น้ำเงินหนาแน่นขึ้นเล็กน้อย แดงต้องใช้ความคมแก้เกม |
ศิลาเงิน ลานนาวอเตอร์ไซด์ คุมตัวเลขเท่าพิกัด 131 เป๊ะ จึงเน้นความสมดุลของสปีดและแรงปะทะ ส่วนโอเล่ สิงห์นครแว่น เกิน 0.6 ปอนด์ แสดงถึงมวลกายที่แน่นขึ้นเล็กน้อย ซึ่งมักส่งผลให้แรงปะทะในวงในและความทนแรงกระแทกดูดีกว่าเล็กน้อย รูปเกมจึงน่าจะเป็นการชิงพื้นที่และกดดันเพื่อเข้าสู่วงในที่น้ำเงินถนัด ขณะที่แดงจะพยายามเล่นงานจากระยะกลางด้วยเตะตัดล่างและหมัดนำเพื่อทำให้การก้าวเข้าของคู่ต่อสู้เสียรูป ก่อนจัดจังหวะสองด้วยศอกหรือเข่าเมื่อมีโอกาส
ในเชิงคะแนน หากโอเล่เดินบดอย่างมีวินัยและสร้างอิมแพคที่ชัด หลายครั้งกรรมการจะมองเห็นภาพเหนือกว่าจากแรงปะทะ แต่ความเสี่ยงคือการจ่อใกล้โดยไม่ตั้งการ์ดหลังปล่อยหมัดชุด ซึ่งเปิดช่องให้ศิลาเงินสวนด้วยศอกเฉียงหรือเตะตัดขาขวาเพื่อตัดกำลัง ยิ่งในยกสาม หากแดงยังมีแรงและอ่านทางได้แล้ว การปิดยกด้วยอาวุธคมหนึ่งครั้งพร้อมคุมกลางเวที จะทำให้คะแนนกลับมาสูสีทันที สุดท้ายเกมนี้ตัดสินกันที่ความละเอียดของการ์ดตอบสนองและการเลือกจังหวะเข้าทำที่มีประสิทธิภาพมากกว่าเพียงตัวเลขชั่งน้ำหนัก
คู่ที่ 4 – พิกัด 120 ปอนด์
| พิกัดทางการ | ชั่งจริง (แดง) | ชั่งจริง (น้ำเงิน) | สถานะน้ำหนัก | ข้อสังเกตเชิงแทคติก |
|---|---|---|---|---|
| 120 | 120.2 | 119 | แดงเกิน 0.2 / น้ำเงินขาด 1.0 | แดงได้แรงปะทะ น้ำเงินได้สปีดและความไหลลื่น |
ยอดฉัตรเล็ก สิทธิ์ไชโย เกินพิกัดเพียง 0.2 ปอนด์ จึงคาดว่าความแน่นของแรงชนจะมีบทบาทในวงใน ส่วนหยกมงคล สิงห์นครแว่น ขาด 1 ปอนด์ ทำให้การขยับเข้าหลบและฉีกมุมมีความไหลลื่นมากขึ้น ไฟท์นี้จึงชัดเจนในภาพของแรงปะทะปะทะความคล่อง หากแดงสามารถบีบพื้นที่ให้เกมอยู่รอบเชือกและจับล็อกวงในบ่อยครั้ง จะสร้างคะแนนจากลูกเข่าและศอกสั้นได้ เด่นที่อิมแพคทางสายตา ตรงกันข้าม หากน้ำเงินใช้ความคล่องสร้างจังหวะเข้า–ออกและตั้งเตะหยุดเกม พร้อมหมัดตรงตัดหน้าก่อนขยับออกด้านข้าง โอกาสทำคะแนนจากความคมชัดจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
ปัจจัยตัดสินอยู่ที่วินัยเกมรับและการจัดการแรงในยกท้ายของทั้งสองฝั่ง ถ้าแดงเดินต่อเนื่องแต่การ์ดตก น้ำเงินอาจสวนหมัดแย็บ–ตรงแล้วเปลี่ยนเลนเป็นศอกย้อนในจังหวะใกล้ตัว ทำให้โมเมนตัมเปลี่ยนเร็ว ในทางกลับกัน หากน้ำเงินถูกบีบจนเสียมุมและยืนรับแรงชนมากเกินไป โอกาสเสียสมดุลและคะแนนจะสูงขึ้น การรักษาระยะที่ถูกต้อง ตำแหน่งเท้าหน้า–หลัง และการคืนการ์ดอย่างมีวินัยทุกครั้งหลังออกอาวุธ จะเป็นหัวใจสำคัญของชัยชนะในไฟท์ที่ตัวเลขชั่งน้ำหนักสวนทางกันแบบนี้
คู่ที่ 5 – พิกัด 116 ปอนด์
| พิกัดทางการ | ชั่งจริง (แดง) | ชั่งจริง (น้ำเงิน) | สถานะน้ำหนัก | ข้อสังเกตเชิงแทคติก |
|---|---|---|---|---|
| 116 | 115.4 | 116 | แดงขาด 0.6 / น้ำเงินเท่า | แดงได้สปีด น้ำเงินสมดุลแรง–ความนิ่ง |
ยอดนิยม เค.โต้งตลิ่งชัน ชั่งขาด 0.6 ปอนด์ จึงคาดหมายถึงความเร็วต้นและการฉีกมุมที่ทำได้ว่องไว เหมาะกับแผนเข้า–ออก เล่นจังหวะสองและสาม ส่วนวาซอฟ ส.กิจรุ่งโรจน์ ชั่งเท่าพิกัด 116 ปอนด์ บ่งบอกความสมดุลของแรงและความนิ่งที่เหมาะแก่การตั้งรับแล้วโต้แบบมีน้ำหนัก รูปเกมคาดว่าจะแบ่งเป็นสองแพตเทิร์นคือ แดงเร่งคะแนนด้วยการเก็บงานระยะกลาง และน้ำเงินรอจังหวะสวนที่มีอิมแพคชัดเจน การชนะใจกรรมการจึงขึ้นกับความคมและภาพรวมของการควบคุมเวทีร่วมกับคุณภาพของการปิดยก
ในรายละเอียด หากยอดนิยมสามารถตัดมุมให้วาซอฟเสียระยะ ควรตามด้วยหมัดหนึ่ง–สองแล้วตั้งเตะด้านนอกเพื่อยื้อจังหวะไม่ให้ถูกสวนทันที ขณะที่วาซอฟควรเก็บการ์ดเหนียวแน่น รอจังหวะที่แดงเสียสมดุลจากการเข้าเร็วแล้วสวนหมัดตรงหนัก ๆ หรือศอกย้อนเพื่อทำให้คะแนนเด่นชัด สุดท้ายแล้ว การจัดลำดับอาวุธและการบริหารแรงในยกสามมีความหมายมาก หากฝ่ายใดสามารถรักษาความคมชัดจนยกท้าย โดยไม่ปล่อยให้คู่ต่อสู้สร้างภาพเด่นก่อนระฆังดัง ผลคะแนนจะเทมาทางฝั่งนั้นอย่างมีนัยสำคัญ
ตารางมวยไทยครบทุกคู่ พร้อมลิงก์ถ่ายทอดสดวันนี้! รวมทุกศึก ทุกสังเวียน ดูสดได้ในที่เดียว
สรุปภาพรวมและแนวโน้มของรายการ
เมื่อพิจารณาจากตัวเลขชั่งจริงของทั้งห้าคู่ในค่ำคืนนี้ จะเห็นการกระจายตัวของสถานะน้ำหนักที่น่าสนใจ มีทั้งกรณีเกิน ขาด และเท่าพิกัด ซึ่งช่วยสะท้อนสมดุลของแรงและความเร็วในรูปแบบแตกต่างกัน คู่ที่ตัวเลขต่างกันเล็กน้อยมักวัดกันที่การวางแทคติกและวินัยเกมรับ การตัดมุมและคุมระยะเป็นสิ่งที่ผู้ชมควรจับตา เพราะส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพการออกอาวุธว่ามีผลจริงหรือเพียงสัมผัสเบา ๆ ที่ไม่เปลี่ยนภาพคะแนน ทั้งนี้การฟื้นตัวของนักชกหลังชั่ง เป็นอีกปัจจัยที่อาจทำให้รูปเกมจริงแตกต่างจากการคาดหมายก่อนยกแรก
โฟลว์ของรายการเริ่มจากพิกัดเบาที่เน้นสปีดและความคม จากนั้นไต่ระดับสู่พิกัดกลางที่ให้ความสำคัญกับแรงปะทะและการยืนระยะมากขึ้น ช่วงกลางรายการจะเห็นความหลากหลายของแทคติก ตั้งแต่การเดินบี้ในวงในไปจนถึงการเล่นวงนอกแบบชิงจังหวะ สุดท้ายผู้ที่บริหารแรงและรักษาความนิ่งได้จนถึงยกสุดท้าย โดยยังรักษาความคมของอาวุธและตำแหน่งเด่นกลางเวทีไว้ได้ จะเป็นฝ่ายที่ได้เปรียบในการชูมือในไฟท์ที่คะแนนสูสีกันตลอดทั้งยก
