ศึกมวยมันส์สนั่นเมือง X ภ.หลักบุญ คืนวันอังคารที่ 28 ตุลาคม 2568 พร้อมระเบิดความมันส์บนเวทีมวยชั่วคราว จังหวัดนครสวรรค์ ตั้งแต่เวลา 18:00 น. เป็นต้นไป รายการนี้รวบรวมคู่ชกหลากพิกัดตั้งแต่รุ่นเล็ก 100 ปอนด์ ไปจนถึงรุ่นกลาง 131 ปอนด์ ครบเครื่องทั้งนักชกประสบการณ์และดาวรุ่งสไตล์จัดจ้าน เหมาะสำหรับผู้ชมที่ต้องการติดตามไฟท์การันตีความเข้มข้น โดยหน้าเพจนี้จัดทำเป็นโปรแกรมมวยพร้อมบทวิเคราะห์เชิงแทคติกและตารางประกอบทุกคู่ เพื่อให้ผู้อ่านใช้งานสะดวกบนเว็บไซต์ WordPress และสามารถอ้างอิงข้อมูลสำคัญก่อนชมการถ่ายทอดสดหรือเข้าชมหน้างานได้อย่างครบถ้วน
โปรแกรมมวย ศึกมวยมันส์สนั่นเมือง X ภ.หลักบุญ – วันอังคารที่ 28 ตุลาคม 2568 เวลา 18:00 น. (เวทีมวยชั่วคราว จังหวัดนครสวรรค์)
จุดเด่นของรายการคือการวางลำดับไฟท์ไล่ตั้งแต่พิกัดเล็กที่เน้นสปีดและการชิงจังหวะ ไปสู่พิกัดกลางที่เน้นแรงปะทะและการบริหารแรงปลาย ก่อนปิดท้ายด้วยพิกัดใหญ่ซึ่งต้องใช้วินัยเกมรับและความนิ่งสูง เพื่อคุมพื้นที่กลางเวทีและสร้างอิมแพคชัดในสายตากรรมการ ทุกคู่มีรายละเอียดพิกัดและค่ายสังกัดชัดเจน พร้อมวิเคราะห์จุดเปลี่ยนเกม เช่น การตัดมุม การตั้งเตะตัดล่าง การล็อกเข่า รวมถึงจังหวะสวนหมัดหรือศอกที่สามารถเปลี่ยนโมเมนตัมในพริบตา ผู้อ่านสามารถเลื่อนดูตารางรวม และไล่อ่านตารางย่อยกับบทวิเคราะห์คู่ต่อคู่ได้ตามต้องการ
ตารางประกบคู่รวม
| ลำดับคู่ | นักมุมแดง (ค่าย/สังกัด) | นักมุมน้ำเงิน (ค่าย/สังกัด) | พิกัด (ปอนด์) | หมายเหตุ |
|---|---|---|---|---|
| คู่ที่ 1 | บั้งไฟพิฆาต (ทรายมูลสนุ๊กเกอร์คลับ) | โรเบิร์ต (ปานนิวัฒน์มวยไทย) | 100 | เปิดหัวพิกัดเล็ก เกมเร็ว |
| คู่ที่ 2 | เพชร25 (ศ.พรานทะเล) | กรังปรีซ์น้อย (ศิษย์อ๊อดพิบูล) | 102 | ชิงจังหวะคมๆ |
| คู่ที่ 3 | ทัพไทย (ส.เปรม) | แบงค์แสน (มวยหูทวีศักดิ์เล็ก) | 102 | สปีดกับเกมรับ |
| คู่ที่ 4 | เสาโท (อ.อัจฉริยะ) | เหนือพยัคฆ์ (ว.สังข์ประไพ) | 120 | แรงปะทะและวงใน |
| คู่ที่ 5 | ยอดโพธิ์ทอง (ภ.หลักบุญ) | แรมบ๊องส์ (ท.เทพซุนกวน) | 100 | สปีดสูง ซุ่มสวนไว |
| คู่ที่ 6 | ยอดธีร์ภพ (ท.ธีปกรณ์) | เพชรขุนศึก (ศิษย์อ๊อดพิบูลย์) | 103 | เกมแต้มแบบละเอียด |
| คู่ที่ 7 | เด่นณัฐพงษ์ (ทรายมูลสนุ๊กเกอร์คลับ) | เพชรวังหิน (มวยหูทวีศักดิ์เล็ก) | 101 | ชิงพื้นที่กลางเวที |
| คู่ที่ 8 | ปืนใหญ่ (ศิษย์ป๋าโด่อยุธยา) | หนึ่งอำนาจ (อึ่งอุบล) | 121 | สมดุลแรง–เทคนิค |
| คู่ที่ 9 | กัปตันทีม (แอ๊ดสันป่าตอง) | ธีระพงษ์ (ดาบทิตบางรัก) | 118 | วัดความนิ่ง ปิดยกคม |
| คู่ที่ 10 | ยอดธง (เกียรตินาวี) | ปาฏิหารย์ (ป๋าโด่อยุธยา) | 131 | พิกัดใหญ่ ปิดรายการ |
ภาพรวมไฟท์การ์ดสะท้อนความหลากหลายของพิกัดและสไตล์ที่กำลังจะเกิดขึ้น ตั้งแต่พิกัดเล็กซึ่งเน้นสปีด ความเร็วมือ และการตัดมุม เพื่อคุมเกมและเก็บคะแนนอย่างประณีต ไปจนถึงพิกัดใหญ่ที่เน้นแรงปะทะและวินัยเกมรับสูงเพื่อยืนระยะให้ได้ครบยก การวางคู่ไล่ระดับทำให้ผู้ชมค่อย ๆ ซึมซับจังหวะของรายการ ตั้งแต่เกมชิงจังหวะที่ต้องใช้สายตาและการอ่านเกมไว ไปจนถึงเกมบู๊ที่ต้องการความนิ่งและความรัดกุมของการ์ด การคืนการ์ดหลังออกอาวุธและการยืนตำแหน่งกลางเวทีจะเป็นหัวใจสำคัญต่อภาพคะแนนในสายตากรรมการอย่างยิ่ง
คู่ที่ 1 – พิกัด 100 ปอนด์
| พิกัดทางการ | แดง | น้ำเงิน | โฟกัสแทคติก | ปัจจัยชี้ขาด |
|---|---|---|---|---|
| 100 | บั้งไฟพิฆาต (ทรายมูลสนุ๊กเกอร์คลับ) | โรเบิร์ต (ปานนิวัฒน์มวยไทย) | สปีดต้น–ตัดมุม–เตะตัดล่าง | คุมระยะกลาง เว้นช่องให้สวน |
ไฟท์เปิดหัวระดับพิกัด 100 ปอนด์มักเป็นเกมที่เดินเร็วและขับเคลื่อนด้วยการชิงจังหวะเป็นหลัก บั้งไฟพิฆาตมีจุดเด่นที่การสับสtepและเตะตัดล่างเพื่อทำลายฐาน ขณะที่โรเบิร์ตเป็นนักชกที่อ่านไลน์หมัดไวและสวนตรงได้คม ช่วงต้นยกจึงคาดว่าจะเป็นการลองเชิงที่มีจังหวะเด้ง–ดึงหลายครั้งเพื่อเปิดช่องให้หมัดหนึ่ง–สองเข้าเป้า ก่อนโยงสู่ศอกสั้นถ้าระยะพาเข้าใกล้เชือก ผู้ที่คุมพื้นที่กลางเวทีและบังคับให้คู่ต่อสู้เคลื่อนในเลนที่คาดเดาได้ จะครองภาพคะแนนชัดเจนกว่าโดยอัตโนมัติ
จุดที่ต้องระวังคือการคืนการ์ดหลังออกคอมโบ เพราะพิกัดเล็กเช่นนี้ความเร็วของการสวนกลับสูง หากใครปล่อยหมัดชุดยาวเกินพอดีโดยไม่รีบถอยหรือปิดจังหวะด้วยเตะยาว อาจถูกสวนหมัดตรงหรือเตะกลับเข้าลำตัวจนเสียสมดุล การปิดยกสำคัญไม่แพ้กัน หากฝ่ายใดสามารถสร้างอิมแพคชัดหนึ่งครั้งท้ายยก ไม่ว่าจะเป็นหมัดตรงเข้าเต็มใบหรือศอกเฉือนให้เห็นผล จะช่วยตรึงสายตากรรมการและดึงคะแนนฝั่งตนได้อย่างมีนัยสำคัญ
คู่ที่ 2 – พิกัด 102 ปอนด์
| พิกัดทางการ | แดง | น้ำเงิน | โฟกัสแทคติก | ปัจจัยชี้ขาด |
|---|---|---|---|---|
| 102 | เพชร25 (ศ.พรานทะเล) | กรังปรีซ์น้อย (ศิษย์อ๊อดพิบูล) | แย็บนำ–ตั้งเตะ–โต้สวน | ความคมชัดเมื่อเข้าระยะสอง |
เพชร25 เป็นมวยระเบียบที่ขึ้นงานเป็นสเต็ป ใช้แย็บเปิดทางและตั้งเตะเพื่อหยุดคู่ต่อสู้ก่อนวางหมัดสอง ส่วนกรังปรีซ์น้อยขึ้นชื่อเรื่องความขยันและการไล่กดดันเป็นจังหวะ เครื่องหมายคำถามคือเมื่อถูกตัดมุมแล้วจะปลดล็อกพื้นที่อย่างไร รูปเกมคาดว่าจะเป็นการเข้าทำแบบสั้นและถี่ การยืนตำแหน่งเท้าให้เหนือกว่าเพียงครึ่งก้าวอาจทำให้หมัดตรงและเตะล่างเข้าเป้าได้มากกว่าหลบ ภาพคะแนนจะเอียงให้ฝ่ายที่ทำให้คู่ต่อสู้เสียสมดุลบ่อยและแสดงอิมแพคชัดเจนในช็อตสำคัญ
รายละเอียดที่ควรจับตาคือการเปลี่ยนจังหวะจากรับเป็นรุกในช่วงกลางยก หากเพชร25 สามารถสร้างแพตเทิร์นเดาไม่ได้ เช่น แกล้งจะถอยแล้วสับกลับเข้าหาศอกเฉียง จะทำให้กรังปรีซ์น้อยเสียจังหวะการเดินบี้ ในทางกลับกัน ถ้าน้ำเงินไม่หยุดไหลและตัดทางออกดี การเร่งชุดหมัด–เข่าในวงในจะทำให้ภาพเด่นกว่า ปิดยกด้วยลูกคมหนึ่งครั้ง เช่น หมัดตรงหรือเตะเข้าลำตัวชัด ๆ จะเป็นแต้มต่อสำคัญก่อนเสียงระฆังดังขึ้น
คู่ที่ 3 – พิกัด 102 ปอนด์
| พิกัดทางการ | แดง | น้ำเงิน | โฟกัสแทคติก | ปัจจัยชี้ขาด |
|---|---|---|---|---|
| 102 | ทัพไทย (ส.เปรม) | แบงค์แสน (มวยหูทวีศักดิ์เล็ก) | คุมกลางเวที–เตะยาว–สวนศอก | ความนิ่งยามถูกกดดัน |
ทัพไทยมีสไตล์มวยเชิงที่อ่านเกมได้ดีและรู้เวลาเข้าทำ เมื่อรวมกับเตะยาวจะทำให้การเดินเข้าของคู่ต่อสู้ช้าลง ขณะที่แบงค์แสนถนัดการเร่งเครื่องและผลัดเปลี่ยนเลนโจมตีจากวงนอกสู่วงในอย่างต่อเนื่อง เกมนี้จะตัดสินกันที่ใครกำหนดตำแหน่งยืนก่อน หากทัพไทยยึดกลางเวทีได้ การตัดมุมของแบงค์แสนจะยากขึ้น แต่ถ้าแบงค์แสนบีบพื้นที่และพาเกมเข้าเชือกได้บ่อย จะเปิดช่องให้ใช้ศอกสั้นและเข่าตรงสะสมงานจนผลคะแนนไหลไปทางตน
สิ่งที่ต้องระวังคือ “จังหวะเปลี่ยนหน้า” หลังหมัดชุดแรก เมื่อฝ่ายหนึ่งพลาดเสียการ์ดเพียงวินาทีเดียว การสวนกลับด้วยศอกเฉียงหรือหมัดตรงจะสร้างภาพเด่นทันที ยิ่งในพิกัด 102 ปอนด์ที่ความเร็วสูง หากใครเสียหลักแม้เพียงนิดอาจโดนต้อนชุดสองทันที ปลายยกผู้ที่ยังรักษาความคมของอาวุธและไม่เสียพื้นที่ให้คู่ต่อสู้ดันเข้าวงใน จะเป็นฝ่ายหอบคะแนนสำคัญกลับมาหนุนผลรวมทั้งไฟท์
คู่ที่ 4 – พิกัด 120 ปอนด์
| พิกัดทางการ | แดง | น้ำเงิน | โฟกัสแทคติก | ปัจจัยชี้ขาด |
|---|---|---|---|---|
| 120 | เสาโท (อ.อัจฉริยะ) | เหนือพยัคฆ์ (ว.สังข์ประไพ) | วงในดุดัน–ล็อกเข่า–ศอกสั้น | แรงปะทะและการยืนระยะ |
เข้าสู่พิกัด 120 ปอนด์ที่แรงปะทะเริ่มแสดงผลชัด เสาโทเป็นมวยเดินหน้าและเข้าวงในได้ทรงพลัง หากล็อกจังหวะได้จะปล่อยศอกสั้นตัดเกมทันที ส่วนเหนือพยัคฆ์เด่นเรื่องจังหวะสวนและการยืนระยะ หากรักษาระยะกลางไว้ได้จะสอดแทรกเตะล่างหรือหมัดคมเข้าเป้าเพื่อเบี่ยงความได้เปรียบของวงใน เกมนี้จึงเป็นการชักเย่อพื้นที่ ใครผลักคู่ต่อสู้ให้อยู่ในเลนถนัดของตัวเองได้นานกว่า จะขึ้นรูปคะแนนเด่นชัดกว่า
การตัดสินมักอยู่ที่ช่วงกลางถึงปลายยกที่ทั้งสองเริ่มล้า หากฝ่ายที่เล่นวงในไม่รักษาการ์ดแน่น มีโอกาสโดนศอกย้อนหรือเข่าลอยสวนจนสะเทือน ในทางกลับกัน หากผู้เล่นวงนอกไม่ยอมยืนแลกในจังหวะที่ควรแลก อาจเสียภาพความแข็งแกร่ง กรรมการมักมองทั้งอิมแพคและความคมชัดรวมกัน ผู้ที่ปิดยกด้วยอาวุธมีผลจริง เช่น ศอกเฉือนหรือเข่าตรงที่ทำให้คู่ต่อสู้เสียอาการ จะถือแต้มต่อสำคัญทันที
คู่ที่ 5 – พิกัด 100 ปอนด์
| พิกัดทางการ | แดง | น้ำเงิน | โฟกัสแทคติก | ปัจจัยชี้ขาด |
|---|---|---|---|---|
| 100 | ยอดโพธิ์ทอง (ภ.หลักบุญ) | แรมบ๊องส์ (ท.เทพซุนกวน) | สปีดสูง–ฉาบฉวย–หมัดสวนตรง | อ่านเกมและปิดยกคม |
ยอดโพธิ์ทองเป็นมวยครบเครื่องที่ประสานการ์ดกับฟุตเวิร์กรวดเร็ว เหมาะกับพิกัดเล็กที่ต้องเข้า–ออกให้ไว ส่วนแรมบ๊องส์มีลูกบ้าพลังและกล้าแลก กลยุทธ์ที่ได้ผลคือการหลอกนำให้คู่ต่อสู้เปิดการ์ดก่อนค่อยใส่หมัดตรงหรือเตะล่างซ้อนเข้าไปเพื่อทำลายฐาน เมื่อเกมยืดเยื้อฝ่ายใดที่ยังคุมสมาธิและจังหวะสองได้เนียน จะมีโอกาสเร่งชุดสั้น ๆ และขโมยสายตากรรมการในช่วงท้ายยก
สิ่งที่ควรจับตาคือการตัดมุมและคอนโทรลกลางเวที หากยอดโพธิ์ทองกำหนดจุดชนได้ คู่ต่อสู้จะถูกบังคับให้เดินเข้าในเลนเดิม ๆ ทำให้อ่านทางง่ายขึ้น ส่วนแรมบ๊องส์ต้องพยายามเปลี่ยนสปีดและเพิ่มแรงปะทะเพื่อบีบให้เกิดการยืนแลกมากขึ้น การคืนการ์ดเร็วและการสลับเลนโจมตีจะลดโอกาสเสียแต้มจากการสวนกลับ หัวใจสำคัญของไฟท์นี้คือความละเอียดและการเลือกจังหวะทำจริงที่มีผลต่อภาพคะแนน
คู่ที่ 6 – พิกัด 103 ปอนด์
| พิกัดทางการ | แดง | น้ำเงิน | โฟกัสแทคติก | ปัจจัยชี้ขาด |
|---|---|---|---|---|
| 103 | ยอดธีร์ภพ (ท.ธีปกรณ์) | เพชรขุนศึก (ศิษย์อ๊อดพิบูลย์) | ตั้งรับฉลาด–สวนกลับ–คอมโบสั้น | ความคมชัดและความนิ่ง |
ยอดธีร์ภพเป็นมวยหัวคิดที่เลือกจังหวะเข้าทำได้ดี ถนัดตั้งรับฉลาดแล้วสวนกลับแบบมีคุณภาพ ขณะที่เพชรขุนศึกมีความครบเครื่องและความขยัน สามารถเดินเข้ากดดันเป็นระยะเพื่อบังคับให้เกมแลกมากขึ้น เกมนี้อาจกลายเป็นสงครามจิตวิทยาเรื่องจังหวะ ใครหลอกให้ฝ่ายตรงข้ามปล่อยคอมโบก่อนแล้วสวนกลับได้คมจะได้เปรียบทันที โดยเฉพาะหมัดตรงและศอกเฉียงที่เข้าเป้าในช่วงคู่แข่งกำลังเปลี่ยนการ์ด
ในรายละเอียดการให้คะแนน การวางตำแหน่งเท้าและการคืนการ์ดหลังทำงานสำคัญมาก หากยอดธีร์ภพยังรักษาความนิ่งและแสดงอาวุธมีผลจริงทุกครั้งที่สวน จะทำให้ภาพคะแนนชัด ถึงอย่างนั้น หากเพชรขุนศึกเร่งเพซและกดดันต่อเนื่องจนอีกฝ่ายถอยเป็นเส้นตรง โอกาสโดนต้อนเข้ามุมแล้วเสียแต้มจากชุดเข่า–ศอกก็มีมากขึ้น การสลับเลนและการสลัดตัวออกจากเชือกอย่างมีวินัยจึงเป็นกุญแจตีเสมอรูปเกม
คู่ที่ 7 – พิกัด 101 ปอนด์
| พิกัดทางการ | แดง | น้ำเงิน | โฟกัสแทคติก | ปัจจัยชี้ขาด |
|---|---|---|---|---|
| 101 | เด่นณัฐพงษ์ (ทรายมูลสนุ๊กเกอร์คลับ) | เพชรวังหิน (มวยหูทวีศักดิ์เล็ก) | เดินคุมกลาง–เตะตัดล่าง–หมัดตรง | คุมพื้นที่และปิดยก |
แมตช์พิกัด 101 ปอนด์จะเน้นความละเอียดและการคอนโทรลพื้นที่เป็นพิเศษ เด่นณัฐพงษ์ถนัดเดินดันคุมจุดชน และใช้เตะตัดล่างบั่นทอนความมั่นใจคู่แข่ง ส่วนเพชรวังหินถนัดสวนหมัดตรงและสลับเลนเข้าวงในแบบฉาบฉวย เมื่อรูปเกมไหลเข้ากลางยก ฝ่ายที่ทำให้คู่แข่งเสียสมดุลและไม่สามารถยืนแลกได้ถนัด จะเริ่มสะสมสกอร์อย่างต่อเนื่อง กรรมการมักให้ค่ากับอาวุธที่ “มีผลจริง” และภาพรวมการยืนการ์ดแน่นหนา
ปลายยกคือจุดชี้ชะตา หากเด่นณัฐพงษ์ยังคุมพื้นที่กลางเวทีได้และไม่ถูกบีบให้ติดเชือก จะสามารถปิดยกด้วยลูกคมหนึ่งครั้งเพื่อย้ำภาพเหนือกว่า ในทางกลับกัน หากเพชรวังหินจับจังหวะเข้าทำได้ในช่วงที่แดงเสียสมดุลหรือเพิ่งปล่อยคอมโบยาว การสวนด้วยหมัดตรงหรือศอกย้อนจะทำให้คะแนนไหลกลับมาทันที ไฟท์นี้จึงเป็นบททดสอบวินัยเกมรับ พร้อมความนิ่งในการตัดสินใจภายใต้แรงกดดัน
คู่ที่ 8 – พิกัด 121 ปอนด์
| พิกัดทางการ | แดง | น้ำเงิน | โฟกัสแทคติก | ปัจจัยชี้ขาด |
|---|---|---|---|---|
| 121 | ปืนใหญ่ (ศิษย์ป๋าโด่อยุธยา) | หนึ่งอำนาจ (อึ่งอุบล) | แรง–เทคนิคสมดุล–คุมกลางเวที | ความนิ่งและอิมแพค |
เข้าสู่พิกัด 121 ปอนด์ ซึ่งเป็นจุดกึ่งกลางระหว่างความเร็วและแรงปะทะ ปืนใหญ่มีความแข็งแรงของลำตัวและหมัดหนักพอตัว หากปล่อยตรงเข้าเป้าจะเห็นผลทันที หนึ่งอำนาจมีสไตล์ละเอียดและอ่านจังหวะสวนเก่ง รูปเกมคาดว่าแดงจะพยายามคุมกลางเวทีเปิดหมัดหนึ่ง–สอง ปูทางสู่เตะลำตัว ขณะที่น้ำเงินจะพยายามทำให้คู่ต่อสู้ “พลาดก่อน” แล้วสวนคม ๆ เพื่อเก็บงานให้กรรมการเห็นชัด เกมจึงแลกกันที่คุณภาพมากกว่าปริมาณ
จุดตัดสินคือการเลือกจังหวะบวก ถ้าปืนใหญ่ใจร้อนและเดินมากเกินจนการ์ดตก โอกาสโดนสวนหมัดตรงหรือศอกเฉือนมีสูง แต่ถ้าหนึ่งอำนาจถอยมากเกินโดยไม่คืนงาน จะเสียภาพความแข็งแกร่งและเสียพื้นที่สำคัญ การปิดยกด้วยอาวุธที่ทำให้คู่ต่อสู้ถอยหรือหยุดชะงักหนึ่งจังหวะ จะช่วยย้ำคะแนนให้ชัด ปลายไฟท์ฝ่ายที่ยังรักษาความคมของอาวุธและไม่เสียสมาธิจะได้เปรียบในการชูมือ
คู่ที่ 9 – พิกัด 118 ปอนด์
| พิกัดทางการ | แดง | น้ำเงิน | โฟกัสแทคติก | ปัจจัยชี้ขาด |
|---|---|---|---|---|
| 118 | กัปตันทีม (แอ๊ดสันป่าตอง) | ธีระพงษ์ (ดาบทิตบางรัก) | จังหวะสอง–ตัดมุม–ศอกสั้น | ปิดยกและคุมพื้นที่ |
พิกัด 118 ปอนด์เป็นระยะที่ทั้งสองฝ่ายต้องเล่นเกมละเอียด กัปตันทีมถนัดจังหวะสองและการตัดมุมเพื่อทำให้คู่ต่อสู้เสียตำแหน่งก่อนค่อยสวน ส่วนธีระพงษ์ขึ้นชื่อเรื่องความแข็งแรงและการบีบพื้นที่อย่างมีวินัย เกมนี้จะดุเดือดเมื่อเข้าสู่วงใน หากใครควบคุมการคลินช์และสลับศอกสั้นได้คมจะมีแต้มต่อชัดเจน โดยเฉพาะเมื่อคู่ต่อสู้เปิดการ์ดหลังแลกหมัดยาว
ในมุมของภาพคะแนน กรรมการจะมองทั้งคมและควบคู่กับอิมแพค ถ้ากัปตันทีมยังรักษาการเคลื่อนที่และออกอาวุธมีผลจริงทุกครั้งที่เข้า–ออก จะคุมทิศทางไฟท์ได้ดี แต่ถ้าธีระพงษ์ดึงเกมเข้าวงในและบดจนอีกฝ่ายถอยเป็นเส้นตรง โอกาสเสียแต้มจากลูกเข่าตรงและศอกสวนก็สูง ปลายยกฝ่ายที่ไม่เสียรูปเกมและปิดจังหวะได้คมกว่า จะชิงความได้เปรียบก่อนยกสุดท้าย
คู่ที่ 10 – พิกัด 131 ปอนด์ (คู่ปิดรายการ)
| พิกัดทางการ | แดง | น้ำเงิน | โฟกัสแทคติก | ปัจจัยชี้ขาด |
|---|---|---|---|---|
| 131 | ยอดธง (เกียรตินาวี) | ปาฏิหารย์ (ป๋าโด่อยุธยา) | แรงปะทะ–คุมกลาง–ศอก/เข่า | ความนิ่งและแรงปลาย |
คู่ปิดรายการที่พิกัด 131 ปอนด์ต้องการทั้งพลังและความนิ่ง ยอดธงมีลูกหนักและยืนระยะได้ดี หากคุมกลางเวทีและบีบให้ปาฏิหารย์ต้องถอยอยู่ในแนวเชือก จะเปิดช่องให้เพิ่มแรงปะทะด้วยหมัดตรงและศอกสั้น ส่วนปาฏิหารย์มีคุณภาพของการตอบสนองและการแกะกอดที่ดี หากไม่ติดกับดักเชือกและเปลี่ยนจังหวะเป็นชุดเข่าตรง จะทำให้ภาพคะแนนสมดุลขึ้นอย่างรวดเร็ว เกมนี้จึงเป็นการต่อสู้ของ “พื้นที่” และ “แรงปลาย” อย่างแท้จริง
จุดที่ต้องระวังคือช่วงผลัดจังหวะหลังคอมโบแรกหมด หากยอดธงกดเกมมากไปจนการ์ดตก ปาฏิหารย์จะมีโอกาสสวนด้วยศอกเฉือนหรือหมัดสั้นที่สร้างผลให้เห็นได้ทันที ในทางกลับกัน หากปาฏิหารย์ถอยโดยไม่คืนงาน จะเสียภาพความแข็งแกร่งและโดนกดทับปลายยก การบริหารแรงปลายและการปิดยกด้วยอาวุธที่ทำให้คู่แข่งสะดุดเพียงเสี้ยววินาที จะเป็นตัวตัดสินทิศทางการชูมือในไฟท์สำคัญของค่ำคืนนี้
ภาพรวมแนวโน้มและโฟลว์ของรายการ
เมื่อพิจารณาลำดับการจัดไฟท์จากพิกัดเล็กสู่ใหญ่ จะเห็นว่าผู้จัดวางจังหวะรายการให้ผู้ชมไต่ระดับอารมณ์อย่างเป็นขั้นตอน เริ่มด้วยเกมเร็วที่ต้องใช้สายตาและความเข้าใจจังหวะการเคลื่อนที่สูง ต่อด้วยเกมที่ต้องคุมพื้นที่และแสดงอิมแพคชัดเจนมากขึ้น แล้วปิดด้วยไฟท์พิกัดใหญ่ที่ต้องพึ่งพาความนิ่ง ความสุขุม และแรงปลายในการคุมเกม ภาพรวมนี้ทำให้ผู้ชมได้สัมผัสทั้งศิลปะการชกที่ละเอียดและความดุดันที่เร้าใจในคืนเดียวกัน
สำหรับผู้ชมที่ติดตามแบบวิเคราะห์ให้มองหา “จุดเปลี่ยนเกม” ได้แก่ การตัดมุมจนคู่ต่อสู้ถอยเส้นตรง การตั้งเตะล่างจนเสียสมดุล การล็อกเข่าในจังหวะที่คู่ต่อสู้ยังไม่คืนการ์ด และศอกสั้นที่สวนเข้าช่วงเปลี่ยนหน้า เหตุการณ์เหล่านี้มักเกิดขึ้นภายในเสี้ยววินาที แต่ส่งผลกับภาพรวมคะแนนอย่างมาก ผู้ที่สามารถปิดยกด้วยอาวุธคม ๆ หนึ่งครั้ง แม้จำนวนช็อตจะไม่มาก ก็สามารถชิงความรู้สึกเหนือกว่าในสายตากรรมการได้อย่างนุ่มลึก
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
เริ่มชกกี่โมงและสถานที่จัดอยู่ที่ไหน? รายการเริ่มชกวันอังคารที่ 28 ตุลาคม 2568 เวลา 18:00 น. ณ เวทีมวยชั่วคราว จังหวัดนครสวรรค์ ผู้ชมที่เดินทางมาหน้างานควรเผื่อเวลาเพื่อเลือกที่นั่งและติดตามอัปเดตความพร้อมล่าสุดของแต่ละค่ายก่อนชก การมาถึงก่อนเวลาเล็กน้อยช่วยให้ไม่พลาดบรรยากาศและข่าวสารสำคัญก่อนระฆังยกแรก
ควรโฟกัสจุดไหนในแต่ละพิกัด? พิกัดเล็ก 100–103 ปอนด์ให้จับตาความเร็ว การตัดมุม และการคืนการ์ดที่ต้องเป๊ะ พิกัดกลาง 118–121 ปอนด์ให้มองหาความสมดุลระหว่างแรงปะทะกับเทคนิค และพิกัดใหญ่ 131 ปอนด์มักวัดกันที่ความนิ่ง การคุมพื้นที่ และแรงปลาย การสังเกตการปิดยกด้วยอาวุธคมครั้งสุดท้ายของแต่ละยก มักช่วยให้คาดเดาทิศทางคะแนนได้ดี
ติดตามผลหลังชกได้ที่ใด? หลังจบไฟท์สามารถติดตามผลอย่างไม่เป็นทางการจากเพจผู้จัดหรือสื่อกีฬาท้องถิ่นที่รายงานแบบรวดเร็ว ทั้งผลคะแนน การชูมือ และจังหวะสำคัญ พร้อมไฮไลต์ช่วงชี้ขาด การเก็บบันทึกผลไว้เป็นลำดับช่วยให้เทียบฟอร์มไฟท์ก่อนหน้าและใช้ประกอบการวิเคราะห์นักชกในรายการถัดไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ตารางมวยไทยครบทุกคู่ พร้อมลิงก์ถ่ายทอดสดวันนี้! รวมทุกศึก ทุกสังเวียน ดูสดได้ในที่เดียว

