ศึก ONE 173: ซุปเปอร์บอน vs มาซาอากิ กำลังจะระเบิดความมันในอีกไม่กี่วันข้างหน้า แฟนกีฬาศิลปะการต่อสู้จาก 195 ประเทศทั่วโลกต่างนับถอยหลังรอชมศึกครั้งประวัติศาสตร์นี้ ที่จะจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ณ สังเวียน อาริอาเกะ อารีนา กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ในวันอาทิตย์ที่ 16 พฤศจิกายนนี้ โดยมีคู่เอกเป็นการชิงบัลลังก์แชมป์โลกรุ่นเฟเธอร์เวตคิกบ็อกซิ่ง ระหว่าง “ซุปเปอร์บอน ซุปเปอร์บอนเทรนนิงแคมป์” แชมป์โลกตัวจริงของรุ่น ปะทะ “มาซาอากิ โนอิริ” แชมป์โลกเฉพาะกาลขวัญใจเจ้าถิ่น ที่พร้อมวัดกันให้รู้ไปเลยว่า ใครคือเจ้าบัลลังก์ที่แท้จริงของโลกใบนี้
นอกจากความสำคัญเชิงสถิติและความยิ่งใหญ่ของไฟต์ชิงแชมป์โลกแล้ว ศึก ONE 173: ซุปเปอร์บอน vs มาซาอากิ ยังถูกมองว่าเป็นอีกหนึ่งหมุดหมายสำคัญของวงการมวยไทยและคิกบ็อกซิ่งระดับโลก เพราะครั้งนี้มีทัพนักชกไทยยกขบวนขึ้นสังเวียนถึง 8 คนเต็ม ๆ แถมในจำนวนนั้นยังมีถึง 4 คนที่มีสิทธิ์ลุ้นเข็มขัดแชมป์โลกกลับบ้าน ยิ่งทำให้แฟนมวยชาวไทยต่างเฝ้ารอชมด้วยความคาดหวังว่า จะได้เห็นธงไตรรงค์โบกสะบัดบนสังเวียนญี่ปุ่นหลายครั้งในค่ำคืนเดียว
สำหรับแฟนมวยที่ติดตาม ONE Championship มาต่อเนื่อง ต่างรู้ดีว่าไฟต์นี้ไม่ใช่แค่การต่อสู้เพื่อเกียรติยศส่วนตัวของซุปเปอร์บอนหรือมาซาอากิเท่านั้น แต่ยังเป็นศึกแห่งศักดิ์ศรีระหว่างสองสไตล์การต่อสู้ สองชาติ และสองแฟนเบสขนาดมหาศาลทั่วเอเชีย ที่พร้อมส่งแรงใจผ่านหน้าจอและในฮอลล์แข่งขัน เพื่อพิสูจน์ว่าใครกันแน่คือ “เบอร์หนึ่งของโลก” ตัวจริงในรุ่นเฟเธอร์เวตคิกบ็อกซิ่งของ ONE Championship

บรรยากาศงานแถลงข่าวเปิดตัวศึก ONE 173
บรรยากาศงานแถลงข่าวเปิดตัวศึก ONE 173: ซุปเปอร์บอน vs มาซาอากิ เมื่อวันพุธที่ 12 พฤศจิกายน ตามเวลาประเทศไทย ณ โรงแรมฮิลตัน โตเกียว โอไดบะ เป็นไปอย่างคึกคัก สื่อมวลชนจากหลากหลายประเทศเดินทางมาร่วมงานกันแน่นห้อง เพื่อเก็บภาพและคำสัมภาษณ์จากเหล่านักสู้ซูเปอร์สตาร์ที่ถูกวางตัวไว้ในรายการสุดยิ่งใหญ่ครั้งนี้ โดยเฉพาะคู่เอกของรายการ ที่ทั้งซุปเปอร์บอนและมาซาอากิต่างขึ้นเวทีแถลงข่าวด้วยแววตาแน่วแน่ แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าทั้งคู่เตรียมตัวมาอย่างเต็มร้อย พร้อมฝากผลงานให้ทั้งโลกจดจำ
งานแถลงข่าวครั้งนี้ถือเป็นสัญญาณชัดเจนว่า ONE Championship เดินหน้ารุกตลาดญี่ปุ่นอย่างจริงจัง ด้วยการพาศึกระดับ “บิ๊กอีเวนต์” มาจัดถึงกรุงโตเกียวอีกครั้ง หลังจากได้รับเสียงตอบรับดีเยี่ยมในอีเวนต์ก่อนหน้า ความอลังการของสถานที่จัดงาน บวกกับการปรากฏตัวของนักสู้ระดับแถวหน้าจากทั่วโลก ยิ่งช่วยขับภาพลักษณ์ของศึก ONE 173: ซุปเปอร์บอน vs มาซาอากิ ให้โดดเด่นในสายตาแฟนกีฬาทั้งในและต่างประเทศมากขึ้นไปอีกหลายเท่า
ชาตรี ศิษย์ยอดธง การันตีศึกทำลายสถิติของ ONE Championship
พิธีการเริ่มต้นด้วยการขึ้นเวทีของ “ชาตรี ศิษย์ยอดธง” ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ ONE Championship ที่ออกมาการันตีด้วยตัวเองว่า ศึก ONE 173: ซุปเปอร์บอน vs มาซาอากิ มีศักยภาพสูงมากในการทำลายสถิติทุกตัวเลขที่องค์กรเคยสร้างเอาไว้ โดยชาตรียกตัวอย่างความสำเร็จจากศึก ONE 172 ที่ทำยอดผู้ชมวิดีโอทั่วโลกทะลุ 2.3 พันล้านวิว จากไฟต์หยุดโลกระหว่าง “รถถัง จิตรเมืองนนท์” กับ “ทาเครุ เซกาวะ” จนกลายเป็นหนึ่งในแมตช์ที่ถูกพูดถึงมากที่สุดบนโลกโซเชียล
ชาตรีเผยว่าจากข้อมูลล่าสุดทุกอย่างกำลังชี้ไปในทิศทางเดียวกันว่า ศึก ONE 173: ซุปเปอร์บอน vs มาซาอากิ มีโอกาสสูงที่จะก้าวขึ้นไปสร้างสถิติใหม่ให้กับ ONE Championship อีกครั้ง ทั้งในแง่ยอดผู้ชมทางออนไลน์ ยอดผู้ชมถ่ายทอดสด รวมถึงเสียงตอบรับจากแฟนมวยในโลกดิจิทัล ซึ่งสะท้อนชัดถึงกระแสความนิยมในตัวนักสู้และความเข้มข้นของไลน์อัปที่จัดมาแบบไม่มีกั๊กในอีเวนต์นี้
องค์กรศิลปะการต่อสู้เบอร์หนึ่งของโลกภายใต้สปอตไลต์ระดับโลก
นอกจากตัวเลขสถิติที่น่าจับตา ซีอีโอ ONE ยังเน้นย้ำว่าทั้งโลกกำลังจับตาชมองค์กรศิลปะการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง ONE Championship ซึ่งรวบรวมเหล่าแชมป์โลกและนักสู้ระดับหัวกะทิจากหลายกติกามาไว้บนเวทีเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นมวยไทย คิกบ็อกซิ่ง หรือการต่อสู้แบบผสมผสาน (MMA) ทำให้ศึก ONE 173: ซุปเปอร์บอน vs มาซาอากิ ไม่ได้เป็นเพียงแค่ไฟต์เดี่ยวที่น่าสนใจ แต่คือ “แพ็คเกจความมัน” ตลอดทั้งค่ำคืนที่แฟนกีฬาต่อสู้ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
ภายในงาน ชาตรียังเชิญชวนแฟน ๆ ทั่วโลกให้สนับสนุนอีเวนต์นี้ผ่านรูปแบบเพย์-เพอร์-วิว (PPV) พร้อมยืนยันว่า ONE 173 จะเป็นงานที่ปลุกกระแสศิลปะการต่อสู้ในประเทศญี่ปุ่นให้ลุกโชนขึ้นอีกครั้ง และส่งแรงสั่นสะเทือนไปทั่วโลกพร้อมกัน ทั้งในมุมของความบันเทิง กีฬาอาชีพ และธุรกิจสปอร์ตเอนเตอร์เทนเมนต์ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในยุคแพลตฟอร์มดิจิทัลครองเมือง

ไลน์อัปเดือด 17 คู่ 5 เข็มขัด ทัพนักชกไทย 8 คนล่าความสำเร็จ
อีกหนึ่งจุดเด่นที่ทำให้ศึก ONE 173: ซุปเปอร์บอน vs มาซาอากิ ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวาง คือจำนวนคู่แข่งขันที่จัดมาแบบจัดเต็มถึง 17 คู่ในอีเวนต์เดียว ซึ่งถือว่าแน่นขนัดและพรีเมียมในระดับเวิลด์คลาส ที่สำคัญยังมีการแขวนเข็มขัดแชมป์โลกให้แย่งชิงกันมากถึง 5 เส้น ครอบคลุมหลากหลายรุ่นน้ำหนักและกติกาการต่อสู้ ทำให้แฟนมวยสามารถลุ้นกันได้แทบทุกไฟต์ตั้งแต่ต้นรายการไปจนถึงคู่เอกปิดท้ายรายการอย่างแท้จริง
สำหรับแฟนชาวไทย ยิ่งมีเหตุผลให้ต้องตามเชียร์แบบห้ามกะพริบตา เพราะในศึก ONE 173 ครั้งนี้ มีตัวแทนนักชกไทยถูกส่งขึ้นสังเวียนถึง 8 คน ซึ่งกระจายตัวอยู่ในหลากหลายคู่สำคัญของรายการ ไม่ว่าจะเป็นไฟต์ชิงแชมป์โลก ไฟต์สำคัญจัดอันดับ หรือไฟต์ที่อาจเป็นการเปิดทางสู่การชิงเข็มขัดในอนาคต ที่สำคัญในบรรดานักชกไทยทั้ง 8 คน มีถึง 4 คนที่มีโอกาสคว้าเข็มขัดแชมป์โลกกลับสู่มาตุภูมิ หากสามารถโชว์ฟอร์มได้อย่างเฉียบขาดในค่ำคืนนั้น
โอกาสสร้างชื่อบนเวทีระดับโลกของนักชกไทย
การได้ขึ้นสังเวียนในศึก ONE 173 เปรียบเสมือนบันไดสำคัญในเส้นทางอาชีพของนักชกไทยทุกคน เพราะเวที ONE Championship ในปัจจุบันกลายเป็นแพลตฟอร์มระดับโลกที่เปิดโอกาสให้นักสู้จากไทยได้แสดงศักยภาพต่อหน้าผู้ชมหลายร้อยล้านคนผ่านการถ่ายทอดสดและคอนเทนต์ออนไลน์ การทำผลงานได้ดีเพียงหนึ่งไฟต์ สามารถเปลี่ยนสถานะจากนักชกโนเนมไปสู่ซูเปอร์สตาร์ที่มีแฟนคลับต่างชาติได้ในช่วงเวลาไม่นาน
นอกจากเกียรติยศในเชิงกีฬาแล้ว ความสำเร็จในระดับ ONE ยังตามมาด้วยโอกาสด้านรายได้ สปอนเซอร์ และการต่อยอดชีวิตหลังสังเวียน ส่งผลให้แรงจูงใจของนักชกไทยในรายการนี้ยิ่งทวีคูณขึ้นไปอีก ทุกคนต่างรู้ดีว่าไฟต์ในศึก ONE 173 ไม่ใช่เพียงการขึ้นชกหนึ่งครั้งแล้วจบ หากแต่เป็น “บททดสอบชี้ชะตา” ที่อาจกำหนดอนาคตทั้งในและนอกเวทีของตนเองได้เลยทีเดียว
วิเคราะห์คู่เอก ศึก ONE 173 ซุปเปอร์บอน vs มาซาอากิ
คู่เอกนำรายการของศึก ONE 173 ถือเป็นไฟต์ที่ถูกจับตามองมากที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย ซุปเปอร์บอน แชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นเฟเธอร์เวต (145–155 ปอนด์) ต้องออกไปป้องกันเข็มขัดนอกบ้านครั้งที่สามใน ONE พร้อมแรงกดดันจากการต้องเผชิญหน้ากับมาซาอากิ โนอิริ แชมป์โลกเฉพาะกาลและขวัญใจเจ้าถิ่นชาวญี่ปุ่น ที่กำลังอยู่ในช่วงฟอร์มร้อนแรงสุดขีด หลังเพิ่งสร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการโค่น “ตะวันฉาย พีเค.แสนชัยมวยไทยยิม” มาในศึก ONE 172
แม้ชื่อชั้นและประสบการณ์บนเวทีระดับโลกของซุปเปอร์บอนจะไม่เป็นรองใคร แต่การต้องบุกไปป้องกันแชมป์ถึงแดนซามูไร ต่อหน้ากองเชียร์เจ้าถิ่นนับหมื่นในอาริอาเกะ อารีนา ย่อมไม่ใช่งานง่าย ทั้งในแง่สภาพจิตใจและแรงกดดันจากบรรยากาศในสนาม ขณะเดียวกันมาซาอากิเองก็มีแรงผลักดันมหาศาลในการคว้าเข็มขัดแชมป์โลกเส้นนี้ต่อหน้าคนญี่ปุ่นทั้งประเทศ เพื่อพิสูจน์ว่าตัวเองคือยอดคิกบ็อกเซอร์ระดับท็อปของโลกอย่างแท้จริง
ซุปเปอร์บอน แชมป์โลกผู้ผ่านศึกโชกโชน
ซุปเปอร์บอนในวัยที่กำลังสุกงอมทางฝีมือ ถูกมองว่าเป็นหนึ่งในนักคิกบ็อกซิ่งที่ครบเครื่องที่สุดคนหนึ่งของยุคนี้ จุดเด่นของเขาคือการยืนระยะที่ดีเยี่ยม การวางเกมเตะต่อยอย่างมีชั้นเชิง และการอ่านจังหวะคู่ต่อสู้ได้อย่างเฉียบขาด การออกอาวุธของซุปเปอร์บอนมักผสมผสานระหว่างความแม่นยำและการคุมจังหวะที่อยู่เหนือคู่ชกเสมอ ทำให้เขาสามารถยืนแลกกับนักสู้ระดับโลกได้โดยไม่เป็นรอง และยังมีลูกเก๋าจากประสบการณ์การต่อยทั้งในไทยและต่างประเทศนับไม่ถ้วน
ในงานแถลงข่าว ซุปเปอร์บอนแสดงความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม โดยยืนยันว่าตัวเองไม่ได้มาญี่ปุ่นเพื่ออย่างอื่น นอกจาก “ป้องกันเข็มขัดให้ได้” พร้อมฝากถึงมาซาอากิว่า การน็อกเขาไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่อีกฝ่ายพูดเอาไว้ ซุปเปอร์บอนประกาศชัดว่าตนจะไม่ยอมพลาดง่าย ๆ และจะทำทุกทางเพื่อเอาชัยชนะกลับประเทศไทย มอบความสุขให้แฟนมวยชาวไทยทั้งประเทศที่เฝ้าติดตามอยู่หน้าจอ
ตารางมวยไทยครบทุกคู่ พร้อมลิงก์ถ่ายทอดสดวันนี้! รวมทุกศึก ทุกสังเวียน ดูสดได้ในที่เดียว
มาซาอากิ โนอิริ ขวัญใจเจ้าถิ่นผู้ตั้งใจลบคำว่า “ฟลุค”
อีกฝั่งของเวที มาซาอากิ โนอิริ กำลังเดินหน้าด้วยความมั่นใจเต็มถัง หลังไฟต์ล่าสุดในศึก ONE 172 เขาสร้างเสียงฮือฮาไปทั่ววงการด้วยการเอาชนะ “ตะวันฉาย พีเค.แสนชัย” นักชกไทยที่แฟน ๆ มองว่าเป็นหนึ่งในตัวเต็งของรุ่นได้อย่างเหนือความคาดหมาย ผลงานดังกล่าวทำให้ชื่อของมาซาอากิถูกดันขึ้นมาอยู่แถวหน้าของรุ่นเฟเธอร์เวตทันที และได้รับโอกาสทองในการขึ้นชิงบัลลังก์เบอร์หนึ่งของโลกในศึก
มาซาอากิยอมรับว่าชัยชนะเหนือ “ตะวันฉาย” อาจทำให้หลายคนรู้สึกเซอร์ไพรส์ แต่เจ้าตัวมองว่านั่นยังไม่ใช่ฟอร์มที่ดีที่สุดของตัวเอง เขายืนยันว่าศักยภาพที่แท้จริงยังถูกปลดล็อกได้มากกว่านั้น และตั้งเป้าจะสร้างความตะลึงให้แฟนมวยทั่วโลกอีกครั้ง ด้วยการชนะน็อกซุปเปอร์บอนให้เด็ดขาดยิ่งกว่าไฟต์ที่ผ่านมา ความมั่นใจแบบไม่เกรงใจแชมป์โลกเช่นนี้ ทำให้ไฟต์คู่เอกดูร้อนแรงยิ่งขึ้นไปอีก
จุดเปลี่ยนสำคัญหลังชนะตะวันฉายในศึก ONE 172
หากมองในเชิงจิตวิทยาการกีฬา การชนะคู่ต่อสู้ระดับซูเปอร์สตาร์อย่างตะวันฉายในศึกใหญ่ ย่อมส่งผลโดยตรงต่อความเชื่อมั่นของมาซาอากิ เมื่อเข้าสู่ศึก ONE 173 เขาจะก้าวขึ้นเวทีในฐานะ “คนที่เคยล้มตัวเต็งจากไทยมาแล้ว” ซึ่งช่วยลดความกดดันลงและเพิ่มความเชื่อว่าตนเองดีพอจะล้มแชมป์โลกอีกหนึ่งคนได้ ขณะเดียวกัน ซุปเปอร์บอนเองก็ต้องศึกษาฟอร์มของมาซาอากิในไฟต์นั้นอย่างละเอียด เพื่อหาแนวทางปิดจุดแข็งและโจมตีจุดอ่อนให้ได้มากที่สุดในวันชี้ชะตา
ศึกของสองสไตล์ สองฐานแฟน และสองความหมายที่ต่างกัน
แม้บนเวทีศึก ONE 173 จะถูกตัดสินกันด้วยผลแพ้ชนะแบบตรงไปตรงมา แต่สำหรับแฟนมวยทั่วโลก ไฟต์นี้มีความหมายมากกว่านั้น สำหรับซุปเปอร์บอน นี่คือการป้องกันเกียรติยศของแชมป์โลกชาวไทย และการยืนยันว่าตนยังคงยืนอยู่บนจุดสูงสุดของรุ่นต่อไป ส่วนสำหรับมาซาอากิ ไฟต์นี้คือโอกาสก้าวข้ามจากการถูกมองว่าเป็น “ม้ามืดสายเซอร์ไพรส์” ไปสู่การยืนในจุดของ “ราชันคนใหม่” บนดินแดนบ้านเกิดของตัวเอง
นอกจากนี้ ฐานแฟนมวยของทั้งสองฝ่ายยังมีความแตกต่างที่น่าสนใจ แฟนไทยคุ้นเคยกับชื่อซุปเปอร์บอนจากทั้งเวทีมวยไทยและ ONE Championship มานาน ขณะที่แฟนญี่ปุ่นจำนวนไม่น้อยเพิ่งได้รู้จักมาซาอากิจากผลงานล่าสุดใน ONE แต่กลับหลงใหลในสไตล์การชกที่ดุดันและกล้าชนของเขา การโคจรมาพบกันของสองฐานแฟนขนาดใหญ่จากสองประเทศ ที่ต่างมีวัฒนธรรมศิลปะการต่อสู้เข้มข้นในสายเลือด ทำให้ไฟต์นี้ถูกจับตามองทั้งในมิติของกีฬาและวัฒนธรรมไปพร้อมกัน

บทสรุปก่อนระฆังดังในอาริอาเกะ อารีนา
เมื่อพิจารณาทุกองค์ประกอบ ไม่ว่าจะเป็นคุณภาพของไลน์อัป จำนวนเข็มขัดที่ถูกนำมาแขวนในอีเวนต์เดียว จำนวนประเทศที่ถ่ายทอดสด และกระแสความสนใจจากแฟนมวยทั่วโลก สมควรถูกยกให้เป็นหนึ่งในอีเวนต์ที่ทรงอิทธิพลที่สุดของ ONE Championship ในรอบปีนี้อย่างไม่ต้องสงสัย แฟนมวยชาวไทยมีโอกาสได้ลุ้นทั้งการป้องกันแชมป์ของซุปเปอร์บอน และการผงาดของนักชกไทยคนอื่น ๆ ที่อาจสร้างเซอร์ไพรส์หยิบเข็มขัดกลับบ้าน
ท้ายที่สุด ไม่ว่าคุณจะเป็นแฟนตัวยงของซุปเปอร์บอน เชียร์มาซาอากิแบบเต็มใจ หรือเพียงแค่รักการชมศิลปะการต่อสู้คุณภาพสูงคืออีเวนต์ที่ควรค่าแก่การเฝ้ารอและจับจองการรับชมอย่างยิ่ง เพราะนี่ไม่ใช่แค่การต่อสู้ของคนสองคน แต่คือการปะทะกันของความฝัน แรงศรัทธา และเกียรติยศของนักสู้จากสองชาติ ที่พร้อมสลักชื่อของตนลงบนหน้าประวัติศาสตร์ ONE Championship ให้ทั้งโลกได้จดจำไปอีกนานแสนนาน

