ไฮไลท์ฟุตบอล เวสต์แฮม ยูไนเต็ด vs ลิเวอร์พูล ศึกพรีเมียร์ลีกนัดนี้ถือเป็นหนึ่งในเกมที่แฟนบอลจับตามอง เมื่อเวสต์แฮม ยูไนเต็ด เปิดบ้านรับการมาเยือนของ ลิเวอร์พูล ในเกมที่เต็มไปด้วยจังหวะลุ้นทำประตูตลอดทั้ง 90 นาที โดยไฮไลท์ฟุตบอล เวสต์แฮม ยูไนเต็ด vs ลิเวอร์พูล อยู่ที่การประสานงานของแนวรุกฝั่งทีมเยือนอย่าง อเล็กซานเดอร์ อิซัค และ โคดี้ กัคโป ที่ช่วยกันยิงคนละประตู พาทีมเก็บสามแต้มสำคัญออกจากลอนดอนได้สำเร็จ ขณะที่เจ้าถิ่นต้องเหลือผู้เล่นเพียง 10 คนในช่วงท้ายเกมจากใบแดงของ ลูคัส ปาเกต้า ทำให้รูปเกมตลอดช่วงท้ายเอนเอียงไปทาง “หงส์แดง” อย่างชัดเจน

ไฮไลท์ฟุตบอล เวสต์แฮม ยูไนเต็ด vs ลิเวอร์พูล

ก่อนลงสนาม เกมนี้มีความหมายอย่างมากต่อทั้งเวสต์แฮม ยูไนเต็ด และลิเวอร์พูล ฝั่งเจ้าบ้านต้องการคะแนนเพื่อหนีห่างจากโซนท้ายตาราง หลังผลงานก่อนหน้านี้ไม่คงเส้นคงวานัก ขณะที่ลิเวอร์พูลภายใต้การคุมทีมของ อาร์เน่อ สล็อต ต้องการสามแต้มเพื่อลดช่องว่างกับทีมในกลุ่มหัวตารางและเรียกความมั่นใจให้กับแข้งแนวรุกชุดใหม่ การเจอกันในครั้งนี้จึงไม่ใช่เพียงแค่การแย่งชัยชนะ แต่ยังเป็นบททดสอบสำคัญของทั้งสองกุนซือในแง่แท็กติกและการจัดการผู้เล่น โดยไฮไลท์ฟุตบอล เวสต์แฮม ยูไนเต็ด vs ลิเวอร์พูล จึงเต็มไปด้วยมิติทั้งด้านผลการแข่งขันและภาพรวมของฤดูกาล

รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงและแผนการเล่นของทั้งสองทีม

หนึ่งในจุดที่น่าสนใจของเกมนี้คือการจัดตัวผู้เล่นของทั้งสองทีม นูโน่ เอสปิริโต้ ซานโต้ เลือกใช้ระบบ 3-4-3 เน้นความรัดกุมในแดนหลังและตอบโต้กลับอย่างรวดเร็ว โดยวางแนวรุกสามประสานอย่าง จาร์ร็อด โบเวน, ลูคัส ปาเกต้า และ คัลลัม วิลสัน เป็นตัวทีเด็ด ส่วนลิเวอร์พูลของ อาร์เน่อ สล็อต จัดทีมในระบบ 4-2-3-1 โดยมีการโรเตชันสำคัญเมื่อเลือกดร็อป โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ ไว้บนม้านั่งสำรอง แล้วเปิดทางให้แนวรุกใหม่อย่าง ฟลอเรียน เวียตซ์ ทำเกมร่วมกับ โคดี้ กัคโป และ โดมินิค โซบอสซ์ไล อยู่ด้านหลังหน้าเป้า อเล็กซานเดอร์ อิซัค ทำให้การวางหมากของกุนซือชาวดัตช์ในเกมนี้ถูกจับตามองเป็นพิเศษ

ตารางสรุปตัวผู้เล่นตัวจริงและระบบการเล่นของทั้งสองทีม

ทีม ระบบการเล่น ผู้รักษาประตู กองหลัง กองกลาง กองหน้า
เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 3-4-3 อัลฟงส์ อาเรโอล่า ซุนกูตู มากัสซ่า, คอนสตานตินอส มาฟโรพานอส, ฌอง-แคลร์ โตดิโบ แอรอน วาน-บิสซาก้า, มาเตอุส แฟร์นันด์ส, เฟรดดี้ พ็อตส์, มาลิก ดิยุฟ จาร์ร็อด โบเวน, ลูคัส ปาเกต้า, คัลลัม วิลสัน
ลิเวอร์พูล 4-2-3-1 อลีสซง เบ็คเกอร์ โจ โกเมซ, อิบราฮิมา โคนาเต้, เฟอร์จิล ฟาน ไดจ์ค, มิลอส เคอร์เคซ ไรอัน กราเฟนแบร์ก, อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ โคดี้ กัคโป, ฟลอเรียน เวียตซ์, โดมินิค โซบอสซ์ไล, อเล็กซานเดอร์ อิซัค

จากตารางจะเห็นได้ว่าเวสต์แฮม ยูไนเต็ด เลือกใช้กองหลังสามคนเพื่อช่วยป้องกันลูกกลางอากาศและการเข้าทำจากด้านข้างของลิเวอร์พูล โดยให้วิงแบ็กอย่าง แอรอน วาน-บิสซาก้า และ มาลิก ดิยุฟ ช่วยเติมเกมรุกทางริมเส้น ส่วนลิเวอร์พูลใช้แบ็กโฟร์ตามสไตล์ถนัด โดย โจ โกเมซ รับบทแบ็กขวา ขณะที่ ฟาน ไดจ์ค จับคู่กับ โคนาเต้ ในตำแหน่งเซ็นเตอร์ฮาล์ฟ และมี เคอร์เคซ เป็นแบ็กซ้าย ทำให้โครงสร้างเกมรับของทีมเยือนค่อนข้างชัดเจน พร้อมรับมือกับเกมโต้กลับของเจ้าบ้านได้ดีตลอดทั้งเกม

รูปเกมครึ่งแรก: หงส์แดงครองบอลเหนือกว่า แต่ยังเจาะประตูไม่ได้

ในช่วงครึ่งแรกของไฮไลท์ฟุตบอล เวสต์แฮม ยูไนเต็ด vs ลิเวอร์พูล ต้องบอกว่าทีมเยือนเป็นฝ่ายครองเกมบุกได้มากกว่าอย่างเห็นได้ชัด แดนกลางของลิเวอร์พูลที่มีทั้ง ไรอัน กราเฟนแบร์ก และ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ ช่วยกันคุมจังหวะการเล่น ทำให้บอลถูกดันขึ้นไปในแดนเวสต์แฮมอย่างต่อเนื่อง นาทีที่ 17 โดมินิค โซบอสซ์ไล เปิดลูกเตะมุมให้ เฟอร์จิล ฟาน ไดจ์ค ทะยานขึ้นโหม่ง แต่บอลหลุดกรอบออกไปอย่างน่าเสียดาย จังหวะนี้สะท้อนให้เห็นว่าเกมรับเวสต์แฮมยังมีช่องโหว่เมื่อต้องรับมือกับลูกกลางอากาศจากแนวรุกของลิเวอร์พูล

ถัดมานาทีที่ 21 เป็นอีกหนึ่งจังหวะหวาดเสียวของกองเชียร์เจ้าถิ่น เมื่อโคดี้ กัคโป โหม่งตั้งบอลย้อนกลับเข้ามาในเขตโทษให้ อเล็กซานเดอร์ อิซัค พักอกก่อนวอลเลย์ด้วยซ้ายเต็มข้อ แต่ อัลฟงส์ อาเรโอล่า ยังโชว์ซูเปอร์เซฟปัดออกไปได้ทันเวลา ถือเป็นช็อตสำคัญที่ทำให้เวสต์แฮมยังยื้อสกอร์ไว้ได้ ขณะที่ลิเวอร์พูลเริ่มเห็นแนวโน้มว่าการใช้ อิซัค เป็นหน้าเป้าช่วยสร้างความกดดันแนวรับเจ้าบ้านได้ดีและมีโอกาสจบสกอร์ค่อนข้างชัดเจน

โอกาสลุ้นของลิเวอร์พูลยังมาอย่างต่อเนื่อง นาทีที่ 30 อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ ได้โอกาสลองส่องไกลจากระยะราว 25 หลา บอลพุ่งตรงกรอบแต่แรงไม่มากพอ ทำให้ อาเรโอล่า รับไว้ได้สบาย ก่อนที่นาทีที่ 39 ฟลอเรียน เวียตซ์ จะได้โอกาสยิงด้วยขวาในเขตโทษจากการแปะคืนของ กัคโป ทว่าก็ยังไม่ผ่านมือผู้รักษาประตูเวสต์แฮม สุดท้ายจบครึ่งแรกด้วยสกอร์ 0-0 แม้ลิเวอร์พูลจะสร้างโอกาสได้หลายครั้งแต่ยังขาดความเฉียบคมในจังหวะสุดท้าย

ไฮไลท์ครึ่งหลัง: อเล็กซานเดอร์ อิซัค ปลดล็อก – กัคโป ปิดบัญชีช่วงทดเวลา

เริ่มครึ่งหลัง รูปเกมยังคงเป็นไปในทิศทางเดิม ลิเวอร์พูลครองบอลบุกใส่เจ้าบ้านอย่างต่อเนื่อง และในที่สุดประตูที่แฟนหงส์แดงรอคอยก็มาในนาทีที่ 60 เมื่อโคดี้ กัคโป เก็บบอลได้ทางฝั่งขวาก่อนตวัดย้อนเข้ากลางให้ อเล็กซานเดอร์ อิซัค แต่งบอลแล้วซัดด้วยขวาเต็มข้อ บอลพุ่งเบียดเสาแรกเสียบตาข่ายอย่างสวยงาม กลายเป็นประตูขึ้นนำ 1-0 ของทีมเยือน และถือเป็นประตูแรกในพรีเมียร์ลีกของ อิซัค ในสีเสื้อลิเวอร์พูลอีกด้วย ทำให้ไฮไลท์ฟุตบอล เวสต์แฮม ยูไนเต็ด vs ลิเวอร์พูล ยิ่งทวีความน่าสนใจมากขึ้น

หลังได้ประตูนำ ลิเวอร์พูลเริ่มบริหารพลังงานของผู้เล่นโดยในนาทีที่ 67 อาร์เน่อ สล็อต ตัดสินใจเปลี่ยนเอา อเล็กซานเดอร์ อิซัค ออกจากสนามแล้วส่ง อูโก้ เอกิติเก้ ลงมาแทน เพื่อเพิ่มความสดในแดนหน้าและใช้ความคล่องตัวเล่นงานกองหลังเวสต์แฮม นาทีที่ 75 มีการขยับเปลี่ยนอีกครั้งเมื่อ เคอร์ติส โจนส์ ถูกส่งลงมาแทน ฟลอเรียน เวียตซ์ เพื่อช่วยคุมจังหวะและเก็บบอลในแดนกลาง ทำให้ลิเวอร์พูลสามารถถ่ายบอลไปมาและลดความเสี่ยงจากการโดนโต้กลับได้ดีขึ้นในช่วงท้ายเกม

นาทีที่ 76 อูโก้ เอกิติเก้ ได้โอกาสสำคัญเมื่อรับบอลได้บริเวณนอกกรอบเขตโทษ ก่อนตัดสินใจซัดทันที บอลหลุดเสาออกไปเล็กน้อย แม้จะไม่เป็นประตูแต่จังหวะนี้สะท้อนให้เห็นว่าแนวรุกของลิเวอร์พูลยังคงสร้างความกดดันให้เวสต์แฮมได้ต่อเนื่อง จนถึงช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีที่ 90+2 โจ โกเมซ เติมเกมขึ้นมาทางขวาแล้วเปิดเข้ามาให้ โคดี้ กัคโป วอลเลย์ด้วยขวาแบบไม่จับ ส่งบอลเสียบตาข่ายอย่างสวยงาม กลายเป็นประตูย้ำชัย 2-0 และเป็นการปิดฉากไฮไลท์ฟุตบอล เวสต์แฮม ยูไนเต็ด vs ลิเวอร์พูล อย่างสมบูรณ์แบบสำหรับแฟนหงส์แดง

ใบแดงของลูคัส ปาเกต้า: จุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้เวสต์แฮมพังช่วงท้าย

อีกหนึ่งจังหวะสำคัญที่ไม่พูดถึงไม่ได้ในไฮไลท์ฟุตบอล เวสต์แฮม ยูไนเต็ด vs ลิเวอร์พูล คือเหตุการณ์ใบแดงของ ลูคัส ปาเกต้า ในนาทีที่ 84 เดิมทีปาเกต้าถือเป็นตัวสร้างสรรค์เกมรุกคนสำคัญของเจ้าบ้านที่คอยเชื่อมบอลระหว่างแดนกลางและแดนหน้า แต่เขากลับไม่สามารถคุมอารมณ์ได้เมื่อมีปัญหากับคำตัดสินของผู้ตัดสินและแสดงปฏิกิริยาโวยวายไม่ยอมหยุด สุดท้ายกรรมการควักใบเหลืองที่สองกลายเป็นใบแดงไล่ออกจากสนามทันที ทำให้เวสต์แฮมต้องเล่นด้วยผู้เล่นเพียง 10 คนในช่วงเวลาสำคัญที่สุดของเกม

เมื่อเวสต์แฮมเหลือผู้เล่นน้อยกว่าหนึ่งคน โครงสร้างเกมรับของทีมเจ้าบ้านก็เริ่มเสียสมดุลอย่างชัดเจน แดนกลางถูกลิเวอร์พูลครองพื้นที่ได้เกือบทั้งหมด การไล่บอลของผู้เล่นเวสต์แฮมเริ่มมีช่องว่างมากขึ้น ขณะที่แนวรุกอย่าง โบเวน และ วิลสัน ก็แทบไม่มีโอกาสได้บอลเพื่อสร้างจังหวะจบสกอร์อย่างจริงจังอีกต่อไป การที่ปาเกต้าถูกไล่ออกไม่เพียงส่งผลด้านตัวผู้เล่นเท่านั้น แต่ยังทำให้ขวัญกำลังใจของเพื่อนร่วมทีมดร็อปลงไปด้วย และสุดท้ายก็ต้องถูกลงโทษด้วยประตูที่สองจาก กัคโป ในช่วงทดเวลา ทำให้เวสต์แฮมไม่อาจต้านทานความเฉียบคมของลิเวอร์พูลได้จนจบเกม

ฟอร์มเด่นผู้เล่นลิเวอร์พูล: อิซัค-กัคโป นำทัพ, แนวรับแน่น, แดนกลางคุมเกม

อเล็กซานเดอร์ อิซัค: ปลดล็อกประตูแรกในพรีเมียร์ลีกกับลิเวอร์พูล

สำหรับ อเล็กซานเดอร์ อิซัค เกมนี้ถือเป็นค่ำคืนที่น่าจดจำ เขาไม่ได้มีเพียงแค่ประตูขึ้นนำ 1-0 ที่ยิงได้อย่างเฉียบคมเท่านั้น แต่ตลอดเวลาที่อยู่ในสนามยังแสดงให้เห็นถึงการเคลื่อนที่หาเหลี่ยมทำทางให้เพื่อนร่วมทีม การถ่างไปเล่นด้านข้างเพื่อเปิดพื้นที่ว่างในกรอบเขตโทษ รวมถึงการรับบอลหันหลังให้ประตูแล้วพักคืนให้ตัวรุกอย่าง กัคโป หรือ เวียตซ์ มีจังหวะสำคัญหลายครั้ง การปลดล็อกประตูแรกในพรีเมียร์ลีกกับลิเวอร์พูลจึงน่าจะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้เขาอย่างมาก และทำให้แฟนบอลตั้งความหวังกับผลงานในเกมต่อ ๆ ไปได้มากขึ้นด้วย

โคดี้ กัคโป: แอสซิสต์หนึ่ง ประตูหนึ่ง กับบทบาทตัวรุกอเนกประสงค์

โคดี้ กัคโป เป็นอีกหนึ่งคนที่โดดเด่นอย่างมากในไฮไลท์ฟุตบอล เวสต์แฮม ยูไนเต็ด vs ลิเวอร์พูล เขามีส่วนร่วมโดยตรงกับสองประตูของทีม ประตูแรกมาจากการใช้ไหวพริบในกรอบเขตโทษ ตวัดบอลย้อนคืนให้ อิซัค จบสกอร์อย่างเฉียบคม ส่วนประตูที่สองเจ้าตัวรับบอลจาก โจ โกเมซ ก่อนจะวอลเลย์ด้วยขวาเต็มข้อในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ปิดบัญชี 2-0 อย่างสวยงาม นอกจากนี้ตลอดทั้งเกม กัคโป ยังช่วยเชื่อมเกมในพื้นที่สุดท้าย ลงต่ำมารับบอลและลากเลื้อยหาช่องเจาะแนวรับเวสต์แฮมอยู่เสมอ ทำให้เขาเป็นจุดศูนย์กลางของการเข้าทำในแดนรุกของลิเวอร์พูลตลอดคืน

แนวรับหงส์แดง: ฟาน ไดจ์ค, โคนาเต้ และ โจ โกเมซ ช่วยกันปิดเกมรุกเจ้าบ้าน

ด้านเกมรับ ลิเวอร์พูลก็ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมไม่แพ้แนวรุก เฟอร์จิล ฟาน ไดจ์ค จับคู่กับ อิบราฮิมา โคนาเต้ ได้อย่างแข็งแกร่ง ทั้งคู่ช่วยกันอ่านจังหวะบอลยาวและลูกกลางอากาศของเวสต์แฮมได้ดี ทำให้ คัลลัม วิลสัน และแนวรุกเจ้าถิ่นแทบไม่มีจังหวะจบสกอร์แบบจะแจ้งมากนัก ส่วน โจ โกเมซ ในบทบาทแบ็กขวาก็เล่นได้อย่างมั่นใจ เติมเกมรุกทางริมเส้นได้ต่อเนื่อง และยังเป็นคนเปิดบอลให้กัคโปวอลเลย์เป็นประตูที่สองอีกด้วย การเล่นที่นิ่งและมีสมาธิตลอดทั้งเกมของแนวรับลิเวอร์พูลเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้ทีมเก็บคลีนชีตในเกมนี้

แดนกลางลิเวอร์พูล: กราเฟนแบร์ก – แม็ค อัลลิสเตอร์ – โซบอสซ์ไล คุมจังหวะเกมได้อยู่หมัด

สามประสานแดนกลางของลิเวอร์พูลในเกมนี้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไรอัน กราเฟนแบร์ก ช่วยตัดเกมและไล่เพรสซิ่งคู่แข่งในเขตแดนกลางอย่างดุดัน ขณะที่ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ คอยเป็นตัวเชื่อมบอลจากแนวรับขึ้นสู่แนวรุกด้วยการจ่ายบอลสั้นและยาวที่แม่นยำ ส่วน โดมินิค โซบอสซ์ไล การเคลื่อนที่ของเขาสร้างความปั่นป่วนให้แนวรับเวสต์แฮมอย่างต่อเนื่อง ทั้งการเลี้ยงจี้เข้าใส่และการเปิดบอลจากลูกตั้งเตะ การที่แดนกลางของลิเวอร์พูลคุมพื้นที่และจังหวะเกมได้ดี ทำให้เวสต์แฮมไม่สามารถครองบอลได้นาน และบีบให้เจ้าถิ่นต้องเล่นเกมรับเป็นส่วนใหญ่ตลอด 90 นาที

CASH OUT ล็อกกำไรทันที ไม่ต้องลุ้นยาว

แทงบอล

แท็กติกและการปรับเกม: อาร์เน่อ สล็อต vs นูโน่ เอสปิริโต้ ซานโต้

ในมุมของแท็กติก การเผชิญหน้าระหว่าง อาร์เน่อ สล็อต และ นูโน่ เอสปิริโต้ ซานโต้ ถือว่าน่าสนใจไม่น้อย สล็อตเลือกใช้ระบบ 4-2-3-1 ที่เน้นการเคลื่อนที่สลับตำแหน่งของสามตัวรุกหลังหน้าเป้า ทำให้แนวรับเวสต์แฮมต้องคอยปรับตำแหน่งตามตลอดเวลา อีกทั้งยังใช้แบ็กทั้งสองฝั่งคอยเติมเกมสร้างความกดดันริมเส้น โดยเฉพาะทางฝั่งของ โจ โกเมซ ที่มีบทบาทชัดเจน ส่วน นูโน่ เลือกใช้ระบบ 3-4-3 ที่เน้นเกมรับแน่นหนาและรอโต้กลับ แต่ปัญหาคือแดนกลางของเวสต์แฮมไม่สามารถรับมือกับการเพรสซิ่งของลิเวอร์พูลได้ ทำให้การต่อบอลขึ้นเกมรุกสะดุดอยู่บ่อยครั้งและต้องเสียการครองบอลอย่างรวดเร็ว

การเปลี่ยนตัวของทั้งสองทีมก็สะท้อนให้เห็นแนวคิดที่แตกต่างกัน สล็อตตัดสินใจถอด อิซัค ที่ทำประตูได้ออกแล้วส่ง เอกิติเก้ ลงมาเพื่อรักษาความสดและเพิ่มความเร็วในแดนหน้า ขณะเดียวกันก็ส่ง เคอร์ติส โจนส์ ลงมาช่วยปิดเกมในแดนกลาง ส่วนเวสต์แฮมเมื่อเหลือผู้เล่น 10 คนจากใบแดงของปาเกต้า ทำให้ตัวเลือกในการปรับแท็กติกลดลงอย่างมาก กุนซือเจ้าบ้านจำเป็นต้องถอยผู้เล่นลงมาช่วยเกมรับเกือบทั้งหมดและฝากความหวังไว้ที่จังหวะสวนกลับของ โบเวน เพียงไม่กี่ครั้ง ส่งผลให้ช่วงท้ายเกมเป็นของลิเวอร์พูลอย่างแท้จริง และภาพรวมไฮไลท์ฟุตบอล เวสต์แฮม ยูไนเต็ด vs ลิเวอร์พูล จึงแสดงให้เห็นความเหนือกว่าทั้งด้านแผนการเล่นและการจัดการเกมของทีมเยือน

ผลต่ออันดับตารางคะแนนและภาพรวมฤดูกาลของทั้งสองทีม

ชัยชนะในเกมนี้ทำให้ลิเวอร์พูลเก็บเพิ่มเป็น 21 คะแนนจากการลงสนาม 13 นัด ขยับขึ้นไปอยู่ในอันดับที่ 8 ของตารางพรีเมียร์ลีก มีแต้มเท่ากับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่เป็นรองในเรื่องผลต่างประตูได้เสีย แม้จะยังไม่ใช่อันดับที่แฟนบอลคาดหวังในระยะยาว แต่สามคะแนนที่ได้จากการบุกชนะเวสต์แฮมถือเป็นก้าวสำคัญในการไล่จี้กลุ่มท็อปโฟร์ และยังสร้างความมั่นใจให้กับนักเตะแนวรุกชุดใหม่ที่เริ่มทำผลงานได้เข้าตามากขึ้นเรื่อย ๆ อีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อโครงสร้างเกมรับเริ่มนิ่งและมีคลีนชีตในเกมเยือนที่กดดันแบบนี้

ในทางกลับกัน เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ยังคงมีเพียง 11 คะแนนเท่าเดิมจาก 13 นัด รั้งตำแหน่งใกล้โซนท้ายตารางในอันดับที่ 17 ส่งผลให้ความกดดันถาโถมมาที่ นูโน่ เอสปิริโต้ ซานโต้ มากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะทีมยังไม่สามารถรักษามาตรฐานการเล่นให้คงเส้นคงวาได้ โดยเฉพาะในเกมใหญ่ที่ต้องรับมือกับทีมที่มีศักยภาพสูงอย่างลิเวอร์พูล ความผิดพลาดในเรื่องวินัยของผู้เล่นสำคัญอย่าง ลูคัส ปาเกต้า ก็ยิ่งทำให้ภาพรวมผลงานของทีมดูน่าเป็นห่วง และจำเป็นต้องถูกหยิบยกไปพิจารณาอย่างจริงจังหากต้องการอยู่รอดในลีกสูงสุดต่อไป

สถิติสำคัญหลังเกมที่สะท้อนภาพรวมไฮไลท์ฟุตบอล เวสต์แฮม ยูไนเต็ด vs ลิเวอร์พูล

แม้ตัวเลขสถิติหลังเกมจะไม่ได้ถูกเปิดเผยอย่างละเอียดในทุกมิติ แต่จากรูปเกมที่เห็นชัดเจน ลิเวอร์พูลเป็นฝ่ายครองบอลและสร้างโอกาสจบสกอร์ได้มากกว่าเวสต์แฮมอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งสองครึ่ง จำนวนครั้งที่ยิงเข้ากรอบของทีมเยือนมีให้เห็นอย่างสม่ำเสมอ ขณะที่เจ้าบ้านอาศัยจังหวะโต้กลับและความสามารถเฉพาะตัวของ โบเวน และ ปาเกต้า เป็นหลัก นอกจากนี้ การที่ลิเวอร์พูลสามารถรักษาคลีนชีตได้ในเกมเยือน ทำให้ภาพรวมทางสถิติเกมรับของทีมดูดีขึ้นและน่าจะช่วยยกระดับความมั่นใจของแนวรับทั้ง ฟาน ไดจ์ค, โคนาเต้ และ อลีสซง เบ็คเกอร์ ในเกมถัด ๆ ไปได้อย่างแน่นอน

บทสรุปไฮไลท์ฟุตบอล เวสต์แฮม ยูไนเต็ด vs ลิเวอร์พูล: หงส์แดงเฉียบคมกว่า คว้าสามแต้มเต็ม

เมื่อมองภาพรวมทั้งหมดของไฮไลท์ฟุตบอล เวสต์แฮม ยูไนเต็ด vs ลิเวอร์พูล จะเห็นได้ชัดว่าทีมเยือนแสดงให้เห็นถึงความเหนือกว่าในหลายด้าน ทั้งเรื่องแท็กติก การคุมจังหวะเกม และความเฉียบคมในพื้นที่สุดท้าย ประตูของ อเล็กซานเดอร์ อิซัค ที่ปลดล็อกในสีเสื้อลิเวอร์พูล และลูกปิดเกมจาก โคดี้ กัคโป สะท้อนถึงพัฒนาการของแนวรุกชุดใหม่ที่เริ่มเข้าขากันมากขึ้น ขณะที่เวสต์แฮมเองจำเป็นต้องกลับไปแก้ไขทั้งในเรื่องวินัยของผู้เล่นและแผนการเล่นในเกมใหญ่ หากไม่ต้องการให้สถานการณ์ในตารางคะแนนแย่ลงไปกว่านี้ ท้ายที่สุดแล้วชัยชนะ 2-0 ของลิเวอร์พูลในค่ำคืนนี้ไม่ใช่เพียงสามแต้มธรรมดา แต่คือสัญญาณบ่งบอกว่าพวกเขาพร้อมกลับมาเป็นหนึ่งในทีมที่น่ากลัวบนเวทีพรีเมียร์ลีกอีกครั้ง